สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียออกแถลงการณ์ว่า นับจากนี้เรือทุกลำที่เดินทางผ่านทะเลดำ เพื่อเข้าไปลำเลียงธัญพืชออกจากท่าเรือในยูเครน ถือเป็น “เรือบรรทุกสินค้าทางทหาร” และธงชาติซึ่งติดอยู่บนเรือลำนั้น “ถือว่าเป็นประเทศที่เข้าข้างยูเครนในความขัดแย้งครั้งนี้”


ขณะเดียวกัน รัฐบาลอมอสโกเตือนรัฐบาลเคียฟ อย่าใช้ระเบียงธัญพืชในทะเลดำ “เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร” ด้านนายอดัม ฮอดจ์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ เปิดเผยข้อมูลที่อ้างว่า มาจากข้อมูลข่าวกรองใหม่ที่เพิ่งได้รับ ว่ารัสเซียฝังทุ่นระเบิดเพิ่มเติม ใกล้กับท่าเรือหลายแห่งในทะเลดำ “แล้วกล่าวหาว่าเป็นของยูเครน”


นอกจากนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยัน การโจมตี “โครงสร้างพื้นฐานทางทหาร” ในภูมิภาคโอเดสซา ที่อยู่ทางตะวันตกของยูเครน ต่อเนื่องเป็นวันที่สอง และรุกคืบแนวรบแดนหน้าในภูมิภาคคาร์คิฟ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ได้เป็นระยะทางเพิ่มอีก 1 กิโลเมตร แต่จำเป็นต้องอพยพประชาชนราว 2,000 คน หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ฐานทัพแห่งหนึ่ง บนคาบสมุทรไครเมีย


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลเคียฟกล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารดังกล่าวของรัสเซีย ในภูมิภาคโอเดสซา สร้างความเสียหายให้กับธัญพืชราว 60,000 ตัน ที่กำลังรอส่งออกไปยังจีน


อนึ่ง ข้อตกลงลำเลียงธัญพืชออกจากทะเลดำ ที่เป็นความร่วมมือระหว่างยูเอ็น กับรัสเซีย ยูเครน และตุรกี สิ้นสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังทั้งสามฝ่ายลงนามร่วมกันครั้งแรก เมื่อเดือน ก.ค. 2565 และมีการต่ออายุข้อตกลงครั้งล่าสุด เป็นเวลานาน 2 เดือน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา โดยตลอดระยะเวลาที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ ทุกภาคส่วนร่วมกันลำเลียงธัญพืชออกจากทะเลดำได้มากกว่า 32 ล้านตัน ช่วยบรรเทาความรุนแรงของวิกฤติการขาดแคลนอาหาร โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา.

เครดิตภาพ : AFP