1.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เกิดวันที่ 18 สิงหาคม 2508 ปัจจุบันอายุ 56 ปี ชื่อแรกคือ “มนัส” ก่อนเปลี่ยนเป็น “ยุทธภูมิ” และเปลี่ยนกลับมาเป็น “มนัส” อีกรอบ ก่อนจะเปลี่ยนเป็น “พชร” กระทั่งล่าสุดใช้ชื่อ “ธรรมนัส”  นามสกุลในอดีตคือ “โบกพรหม” ก็เปลี่ยนมาเป็น “พรหมเผ่า”

2.เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 25 ก่อนเรียนจบ จปร.รุ่น 36 แล้วเข้ารับราชการทหารในหลายสังกัด ทั้งกรมมหาดเล็กรักษาพระองค์, กรมกำลังพลทหารเรือ และหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา

3.ถูกปลดออกจากราชการทหาร 2 รอบ คือในปี 2534 และ 2536 แต่ก็ได้รับการล้างมลทินและกลับมารับราชการทั้ง 2 ครั้ง ในปี 2541 พัวพันกับคดีฆาตกรรมนายพูลสวัสดิ์ จิราภรณ์ ถูกออกหมายจับร่วมกับพวก ถูกถอดยศ เพราะประพฤติตนไม่เหมาะสม แต่เมื่อสืบคดีเสร็จสิ้น ศาลสั่งยกฟ้อง

4.หลังออกจากการเป็นทหาร หันมาทำธุรกิจ เริ่มจากบริษัทรักษาความปลอดภัย และได้รับการประมูลให้บริหารตลาดคลองเตย และเป็นยี่ปั๊วขายสลากกินแบ่งฯ​ รายใหญ่

5.ธุรกิจประสบความสำเร็จ หันมาเล่นการเมือง เป็นทีมยุทธศาสตร์พรรคไทยรักไทย ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปี 2557 ลงสมัครเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย หลังรัฐประหารปี 2557 ถูก คสช.เรียกไปรายงานตัว

6.ย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ และลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พะเยา เขต 1 ในการเลือกตั้งปี 2562 ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนท่วมท้น นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งในโซนภาคเหนือ 16 จังหวัด และช่วยพรรคกวาด ส.ส.เขต 25 ที่นั่ง เขย่าฐานที่มั่นพรรคเพื่อไทย

7.เป็นมือประสานสิบทิศ ด้วยนิสัยใจกว้าง กล้าได้กล้าเสีย  ยามมีปัญหาหรือมีแรงกระเพื่อมสะเทือนรัฐบาล มักถูกส่งเข้าจัดการเคลียร์ปัญหาต่างๆ จนราบรื่นสงบนิ่ง อาทิ กรณี 10 พรรคเล็ก ไม่พอใจ เรียกร้องขอตำแหน่งรัฐมนตรี ฯลฯ โดยเคยพูดติดตลกว่า “ผมเป็นคนเลี้ยงลิง เลยต้องเอากล้วยให้ลิงกินตลอดเวลา” และต่อมามีบทบาทสูงขึ้นเรื่อยๆ ในพรรคพลังประชารัฐ

8.วันที่ 10 กรกฎาคม 2562 ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ใน ครม.บิ๊กตู่ 2/1

9.วันที่ 11 ก.ค.2562  ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า “ผมคือเส้นเลือดใหญ่ เลี้ยงหัวใจรัฐบาล ผมกุมความลับ ดีลต่อรอง หากล้มผมได้ รัฐบาลก็สั่นคลอน”

10.ถูกโจมตีและตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเคยต้องโทษข้อหาลักลอบขนเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัม เข้าประเทศออสเตรเลีย และกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

11.ในการยื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และคู่สมรส 2 คน คือ นางอริสรา พรหมเผ่า และ น.ส.ธนพร ศรีวิราช รวมถึงบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 7 คน (เสียชีวิต 2 คน) ได้แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 859,316,182 บาท หนี้สิน 79,261,936 บาท โดยเป็นทรัพย์สินผู้ยื่น 644,921,184 บาท ของนางอริสรา คู่สมรส 189,952,776 บาท ของ น.ส.ธนพร คู่สมรส ( อยู่กินฉันสามีภรรยา) 63,684,291 บาท ส่วนบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สินรวมกัน 31,148,049 บาท

12.วันที่ 12 กันยายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันตรวจสอบคุณสมบัติของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เรียบร้อยแล้วก่อนจะแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี

13.วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2563 ร.อ.ธรรมนัส ชี้แจงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอบโต้ฝ่ายค้าน ระบุว่า สิ่งที่ตำรวจปราบยาเสพติดของรัฐนิวเซาท์เวลส์อ้างว่าเป็นเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัม แท้จริงแล้ว “มันคือแป้ง” คำชี้แจงดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กลายเป็นไวรัลฮิตชั่วข้ามคืน และกลายเป็นวาทะแห่งปี 2563

14.วันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ส.ส.พรรคก้าวไกล ยื่นเรื่องถอดถอน ร.อ.ธรรมนัส ว่าขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี อ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา 160 วรรค 6 ที่ระบุว่า บุคคลใดก็ตามจะไม่มีสิทธิเป็นรัฐมนตรีถ้าเคยทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า

15.วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์  ยก “หลักอธิปไตย” ของประเทศมาเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ต้องพ้นจากสถานภาพ ส.ส. และรัฐมนตรี เนื่องจากต้องคำพิพากษาของศาลในต่างประเทศ ไม่ใช่ศาลไทย

16.วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ร.อ.ธรรมนัส ผงาดนั่งตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค และกลายเป็นเงาตามตัว เคียงข้าง บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองนายกฯ “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” หรือ “พี่ใหญ่ของ 3 ป.”

17.วันที่ 1 กันยายน 2564  ร.อ.ธรรมนัส แถลงชี้แจง พร้อมปฏิเสธ หลังถูกกระแสโจมตีว่าอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวเพื่อล้ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ลงจากเก้าอี้ในการโหวตศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจฯ ยืนยันไม่เป็นความจริง

“ข่าวลือที่ออกมาว่าผมจะทำอันโน้นอันนี้ ไม่เป็นความจริง และมีข่าวที่ได้ยินมาจาก ส.ส.ที่โทรศัพท์มาหาว่ามีหัวหน้าพรรคการเมืองพรรคเล็กคนหนึ่งเสนอรับเงิน 10 ล้านบาท เพื่อต่างตอบแทน และร้ายไปกว่านั้นมีรัฐมนตรีในพรรคพลังประชารัฐรับงานมาล็อบบี้ ส.ส.เพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ และพลังประชารัฐ ในการโหวตสนับสนุนใครคนใดคนหนึ่ง ต้องถามว่าคนเป็นรัฐมนตรีสมควรทำอย่างนั้นหรือไม่ เพราะควรเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ไม่ต้องใคร 4 ช.ที่ว่ากัน ฝากไปบอกเขาด้วยว่าทำอะไรเพื่อบ้านเพื่อเมืองบ้าง อย่าเห็นผลประโยชน์ส่วนตัว นี่คือ คำตอบของผม”

18.วันที่ 7 กันยายน 2564 หลังการโหวตศึกซักฟอก นายกฯ และรัฐมนตรี ได้รับเสียงไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป มีรายงานว่าการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้เดินหน้าเลือกตั้งท้องถิ่น ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส เข้าร่วมด้วยตามปกติ บรรยากาศอึมครึม ท่ามกลางกระแสรอยร้าวในรัฐบาล

19.วันที่ 9 กันยายน 2564 ร.อ.ธรรมนัส แถลงลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี พร้อมโชว์หนังสือขอลาออก ลงวันที่ 8 กันยายน 2564  ที่รัฐสภา และตอบคำถามผู้สื่อข่าวแบบทิ้งปริศนาไว้หลายประเด็น ทั้งเรื่องการลาออก และอนาคตพรรคพลังประชารัฐในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่า “ผมต้องการทำงานอื่นที่เข้มแข็งเพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริงๆ ไม่ใช่มารองรับหรือทำอะไรเพื่อคนบางกลุ่ม”, “ผมพูดแล้วนักเลงพอ ทำอะไรแล้วต้องรับผิดชอบ อยู่ที่ไหนก็ได้ขอให้ใจมันอยู่ ถ้าใจมันไม่อยู่ใครจะมาบังคับผมก็ไม่ได้”

20.วันที่ 9 กันยายน 2564 วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ มี​ พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พ้นจากตำแหน่ง ตามที่นายกรัฐมนตรีได้กราบบังคมทูล เพื่อความเหมาะสมและบังเกิดประโยชน์แก่ราชการ ทั้งนี้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2564 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี