สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดี เกี่ยวกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ในสหรัฐ ที่รวมถึงการฉีดวัคซีนและมาตรการส่วนบุคคล ว่าเขาจับตาความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน และมาตรการควบคุมทางสงัคมในทุกพื้นที่มาตลอด และตอนนี้ตัวเขา "หมดความอดทน" กับกระแสต่อต้านจากหลายฝ่ายที่ยังคงมีอยู่
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหาร กำหนดให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานทุกแห่งที่อยู่ภายใต้รัฐบาลกลาง สถานประกอบการซึ่งมีพนักงานตั้งแต่ 100 คน แม้เป็นของเอกชน และบุคลากรการแพทย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคนซึ่งได้รับสิทธิประโยชน์จากระบบประกันสุขภาพ "เมดิแคร์" และ "เมดิเคด" ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยลูกจ้างเอกชน และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขซึ่งไม่ฉีดวัคซีน ต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองทุกสัปดาห์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ต้องจัดการให้เสร็จภายใน 75 วัน หากไม่ปฏิบัติตาม บุคคลนั้นอาจถูกสอบสวนทางวินัย และอาจเผชิญกับการถูกเลิกจ้าง ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวไม่สามารถแสดงหลักฐานได้ตามเกณฑ์ด้านสาธารณสุข ว่าไม่อาจรับวัคซีนได้ ด้วยเงื่อนไขเกี่ยวกับสุขภาพ เช่น การแพ้วัคซีน หรือมีโรคประจำตัวร้ายแรง ที่ในกรณีนี้จะต้องเข้ารับการตรวจคัดกรองทุกสัปดาห์แทน
ประชาชนที่เมืองซาคราเมนโต ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประท้วงมาตรการบังคับฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาลกลาง
ขณะที่กระทรวงแรงงานออกแถลงการณ์แยกอีกฉบับ ว่าบริษัทแห่งใดที่ไม่จัดการให้พนักงานเข้ารับการฉีดวัคซีนได้ ต้องชำระค่าปรับเป็นเงินประมาณ 14,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 458,080 บาท ) และยังกำหนดโทษปรับสำหรับผู้ที่ไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่อใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะด้วย เริ่มต้น 300 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 9,801 บาท ) และสูงสุด 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 163,350 บาท ) มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.นี้
นอกจากนี้ ไบเดนยัง "ขอความร่วมมือ" ให้สถานบันเทิงจัดการฉีดวัคซีนหรือการตรวจให้แก่พนักงานของตัวเอง เช่นเดียวกับสถานศึกษา ให้จัดการแบบเดียวกันกับบุคลากรทุกระดับ โดยผู้นำสหรัฐใช้อำนาจส่วนนี้ตามกฎหมาย "การผลิตและการป้องกัน" เพื่อสร้างหลักประกันให้บริษัทผลิตชุดตรวจทุกแห่งในประเทศ จะผลิตสินค้าได้ตามความต้องการของตลาด ส่วนแอมะซอน วอลมาร์ต และโครเกอร์ ประกาศเตรียมเป็นตัวแทนรัฐบาล ช่วยจำหน่ายชุดตรวจในราคาย่อมเยาว์ด้วย
อนึ่ง กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐมีแผนเดินหน้าการฉีดวัคซีนเข็มที่สาม หรือบูสเตอร์ ให้แก่ประชาชนทั่วไปที่รับวัคซีนครบแล้วนานกว่า 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย.นี้เป็นต้นไป.

เครดิตภาพ : AP