เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 3 ส.ค. นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส เปิดเผยถึงสถานการณ์ของผู้ประสบภัยจากโรงงานเก็บพลุ และดอกไม้ไฟระเบิดที่ตลาดมูโนะ ว่า ขณะนี้กำลังจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี ประชาชนส่วนใหญ่กลับไปอาศัยอยู่ยังบ้านเรือนของตนเองแล้ว แต่อยู่แบบมีการซ่อมแซมชั่วคราว เพราะทุกคนเป็นห่วงทรัพย์สิน ซึ่งมีปัญหาแต่ในเรื่องของน้ำ ที่ทางสาธารณสุขยังเตือนว่าใช้ในการบริโภคไม่ได้ และในการซ่อมแซมบ้านเรือน และโรงเรียนที่เสียหาย ขณะนี้ทหารช่างจากกองทัพภาคที่ 4 ได้นำอุปกรณ์ต่างๆ ซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน และมีผู้บริจาคเงินยังบัญชีรับบริจาคแล้ว 19 ล้านบาทเศษ

ทั้งนี้ ประชาชนที่บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ได้มีการตั้งกล่องรับบริจาคจากผู้ที่เข้าไปช่วยเหลือ เพื่อที่จะนำเงินบริจาคมาทำการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากแรงระเบิด โดยที่เจ้าของบ้านผู้ตั้งกล่องรับบริจาครายหนึ่งกล่าวว่า ต้องการให้เงินจากผู้บริจาคถึงมือของผู้เดือดร้อนโดยตรง เพราะไม่มั่นใจกับการช่วยเหลือของภาครัฐ ที่ล่าช้า และอาจจะไม่เป็นธรรม

ขณะที่ พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการติดตามจับกุม น.ส.ปิยะนุช พึ่งวิรวัฒน์ หรือเจ๊หลิน และนายสมปอง ณ กุล หรือเสี่ยไหว สองสามีภรรยา เจ้าของโกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟ ว่า ทราบว่ายังอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน และยังไม่มีการติดต่อกลับมาเพื่อมอบตัว ส่วนตำแหน่ง ผกก.สภ.มูโนะ ได้แต่งตั้งให้ พ.ต.อ.อดิเรก โฉมยงค์ รักษาการไปก่อน

ด้านหน่วยข่าวความมั่นคง ได้เปิดเผยว่า น.ส.ปิยะนุช และนายสมปอง สองสามีภรรยา ได้หลบหนีไปอยู่ในประเทศมาเลเซีย โดยมีนักการเมืองใหญ่ ของพรรคการเมืองหนึ่งใน อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ โดยนักการเมืองคนดังกล่าว เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง มีเครือข่ายในการทำธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมดใน จ.นราธิวาส ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะการค้า พลุ ดอกไม้ไฟ และประทัด เพียงอย่างเดียว แต่อยู่เบื้องหลังขบวนการค้าน้ำมันเถื่อน บุหรี่เถื่อน สุราเถื่อน คนเถื่อน ยาเสพติด และอื่นๆ

แหล่งข่าวของทหาร ยังเผยต่อว่า สาเหตุที่เจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ และปกครอง ไม่กล้าดำเนินการใดๆ กับผู้ที่ทำผิดกฎหมาย เพราะเจ้าหน้าที่ระดับสูง ทั้งตำรวจ และฝ่ายปกครอง ถูกเลือกโดยนักการผู้นี้ให้เข้าอยู่ในตำแหน่ง จึงทำให้มีการเปิดไฟเขียวให้กลุ่มผู้ที่ทำธุรกิจผิดกฎหมายเติบโต มีอิทธิพล เกินกว่าที่เจ้าหน้าที่ระดับล่างจะเข้าไปจับกุมได้

โดยแหล่งข่าวความมั่นคง ยังระบุอีกว่า เมื่อปี 59 ทหารได้เข้าจับกุมยึดของกลางที่เป็นพลุ ดอกไม้ไฟ ของ เจ๊หลิน และเสี่ยไหว ได้ถึง 60 ตัน โดยที่ไม่มีใบอนุญาตในการครองครอบ และตำรวจ สภ.มูโนะ มีความเห็นส่งฟ้อง แต่สุดท้ายคดีถูยกฟ้องจากอัยการจังหวัด แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องโกดังเก็บพลุ ดอกไม้ไฟระเบิด มีคนตาย และมีทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก จึงทำให้ เจ๊หลิน และเสี่ยไหว ต้องหลบหนี แต่เชื่อว่าถ้าพรรคการเมืองที่นักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังธุรกิจสีเทา ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เจ๊หลิน และเสี่ยไหว จะเดินทางมามอบตัว.