เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายทองชุ่น สุรวิทย์ กำนันตำบลอีปาด อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ประชาชนในพื้นที่ได้ประสบเหตุถูกคนร้ายทำการตบทรัพย์ บนถนนสายกันทรารมย์ – ยางชขุมน้อย พฤติการณ์การก่อเหตุจะเป็นลักษณะจงใจให้รถ (คนร้าย) ถูกชนโดยทำทีจะขับแซงหน้า ทำให้รถของราษฎรที่ใช้ถนนไม่สามารถหักหลบได้ และเมื่อเกิดการชน คนร้ายจะใช้วิธีกรรโชกทรัพย์สิน(เงิน) โดยบ่ายเบี่ยงที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งมีผู้ประสบเหตุแล้วหลายราย จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ

โดย นายทองชุ่น สุรวิทย์ กำนันตำบลอีปาด เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่ของ ต.อีปาด อ.กันทรารมย์ ในรอบ 1-2 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าเยอะมาก มีผู้เสียหายประมาณกว่า 10 ราย ล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ส.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยลักษณะการก่อเหตุ คนร้ายจะใช้รถ 3 คัน ขับขี่ตามท้องถนน เพื่อหาเหยื่อ ซึ่งจะเลือกเหยื่อที่ใช้รถยนต์สภาพเก่า เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีประกันภัยชั้น 1 มีแค่ พ.ร.บ. หรือประกันภัยชั้น 3 เท่านั้น โดยรถคันแรกจะทำหน้าที่ขับแซงเราขึ้นไป รถคันที่ 2 จะมาเบียดอยู่ข้างๆ รถคันที่ 3 จะจี้ท้ายรถเรา แล้วก็จะบีบแตรให้เราตกใจ จากนั้นคันข้างหน้าจะพยายามเบรก เพื่อให้รถเราชนท้าย เมื่อเราหักหลบก็จะไปเฉี่ยวชนกับรถที่ประกบข้าง เมื่อเกิดการเฉี่ยวชนสำเร็จแล้ว รถคันที่ 1 และคันที่ 3 ก็จะขับแซงหนีไป เพื่อให้รถทั้งคู่ได้เจารจาตกลงค่าเสียหายกัน โดยจะบอกว่าเราเป็นผู้กระทำผิดชนรถเขา พร้อมเรียกค่าเสียหาย รายละ 2,000-10,000 บาท เมื่อเหยื่อหลงเชื่อจึงมีการจ่ายค่าเสียหายไป เพื่อให้เรื่องจบๆ

กรณีดังกล่าวถือว่า เป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างมาก ตนจึงได้ประสานให้ตำรวจ สภ.กันทรารมย์ และฝ่ายปกครองของอำเภอกันทรารมย์ ได้ออกข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเตือน ชาวบ้านที่เดินทางเส้นทางระหว่างอำเภอกันทรารมย์ – ยางชุมน้อย หากประชาชนที่สัญจร พบเจอเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว ขอแนะนำให้โทรศัพท์แจ้ง 191 หรือติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อช่วยเหลือ ซึ่งหากว่าเราผิดจริง ก็ควรดำเนินการตามกฎหมายและไปเสียค่าปรับที่โรงพัก เพราะบางครั้งเราอาจจะถูกกลุ่มมิจฉาชีพตบทรัพย์ได้

ด้าน นายไขแสน สุรวิทย์ อายุ 65 ปี ชาวบ้านอีปาด หมู่ที่ 1 ต.อีปาด หนึ่งในผู้ประสบเหตุดังกล่าว เล่าว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันที่ 3 ส.ค. 2566 ตนขับรถจาก อ.ยางชุมน้อย มุ่งหน้ากลับบ้านที่ อ.กันทรารมย์ ซึ่งเป็นพื้นที่ติดกัน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ได้มีรถ 2 คัน วิ่งมาประกบหัวท้ายรถตน ซึ่งตอนนั้นก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร ต่อมาคันข้างหน้าพยายามขับช้าๆ และคันข้างหลังพยายามจี้ท้าย พร้อมกับบีบแตร ตนจึงตีไฟเลี้ยว เพื่อที่จะแซงออกทางด้านขวา เมื่อแซงพ้นแล้ว รถคันที่ตนขับแซงมา ได้เร่งเครื่องมาชนด้านข้างฝั่งซ้ายของท้ายรถตน จนเป็นรอยบุบ จากนั้นรถคู่กรณีได้เร่งเครื่องขับมาปาดหน้าเพื่อให้ตนจอด เมื่อจอดรถแล้วตนจึงลงจากรถเดินอ้อมไปดูความเสียหายบริเวณที่ถูกชน.
