เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น./หัวหน้าชุดป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปฏิบัติการที่ 5 สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ชุด PCT5, สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันจับกุมตัวนายวีรยุทธ แสนชัย หรือฉายา “เอส คอลาย” อายุ 29 ปี พักอาศัยย่านเขตพญาไท กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 113/2566 ลงวันที่ 25 พ.ค. 66 ข้อหา “ความผิดเกี่ยวกับเพศ” จับกุมตัวได้ที่ภายในซอยตลาดวังหลัง แขวงศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ จับกุมตัวเมื่อ 6 ส.ค. 66 เวลาประมาณ 10.50 น.

สืบเนื่องจากนายวีรยุทธ หรือ “เอส คอลาย” ผู้ต้องหา เริ่มคบกับนางสาวเอ๋ (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี เมื่อปี 2562 โดยนางสาวเอ๋ มีลูกติด 1 คน ชื่อเด็กหญิงส้ม (นามสมมุติ) อายุ 8 ขวบ ในขณะนั้น จนเมื่อเด็กหญิงส้มอายุ 12 ขวบ เริ่มสังเกตเห็นว่านายวีรยุทธ มีความสนิทสนมกับเด็กหญิงส้ม มากกว่าพ่อเลี้ยง โดยมักมีพฤติกรรมหยอกล้อในเชิงชู้สาวอยู่เป็นประจำ กระทั่งในปี 2565 นายวีระยุทธ ได้เริ่มตีตัวออกห่าง นางสาวเอ๋ และพาเด็กหญิงส้ม ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงหลบหนีตามไป อยู่กินกันแบบสามีภรรยาอย่างโจ๋งครึ่ม ชนิดไม่อายฟ้าอายดิน

ต่อมานายวีรยุทธ ได้พยายามล้างสมองให้เด็กหญิงส้มเกลียดแม่ตัวเอง โดยให้ลาออกจากโรงเรียน เพื่อมาบำเรอกามอารมณ์ของตนอย่างไม่สนใจอนาคตเด็ก ทำให้เด็กต้องออกมาเร่ร่อนไร้จุดหมาย กระทั่งนายวีระยุทธพาตัวเด็กออกจากบ้านไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้บังคับเสพยาและข่มขืนกระทำชำเราเด็ก จนนางสาวเอ๋ทราบเรื่อง รวมถึง นายวีระยุทธนำโทรศัพท์ของเด็กหญิงส้มไปขายเพื่อแลกยาเสพติด ต่อมานางสาวเอ๋ จึงโพสต์ตามโซเชียล เพื่อประกาศตามโซเชียลเพื่อตามหาเด็กหญิงส้ม จนเป็นไวรัลมีผู้คนแชร์ไปจำนวนมาก

กระทั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช ทราบเรื่องจึงสั่งการให้ชุดสืบสวน ออกไล่ล่านายวีรยุทธ หรือเดนทรชนรายนี้ จากการสืบสวนพบเบาะแสว่า นายวีระยุทธ พาเด็กหญิงส้ม ไปในชุมชนแห่งหนึ่ง ย่านธนบุรี จากนั้นจึงสามารถเข้าติดตามจับกุมตัวไว้ได้ และยังช่วยเหลือ ด.ญ.ส้ม เอาไว้ได้ ก่อนจะถูกคนร้ายพาหนีลงไปทางภาคใต้ จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษคดีอาญาพบมี 13 คดี อาทิ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ชิงทรัพย์, วิ่งราวทรัพย์ และกระทำพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจารฯ

จากการสอบสวนนายเอส ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองลงมือกระทำชำเราลูกเลี้ยงวัย 12 ขวบ จริงโดยกระทำโดยไม่ได้สวมถุงยางอนามัย และตนได้ไปต่ออวัยวะเพศของตนเองมา เมื่อเวลามีเพศสัมพันธ์ ลูกจะบอกว่าเจ็บตลอด และที่ทำไปเพราะความรัก ตอนแรกแค่แอบชอบ แต่พอพูดคุยแหย่กันไปมาก็เริ่มมีความรู้สึกรัก ตอนนี้ไม่ได้รักแม่ของเด็กแล้ว แต่มารักเด็กแทน ที่ผ่านมาตนเองเคยถูกจับกุมตั้งแต่วัยเด็ก โดยรวมทั้งหมดถึงปัจจุบันกว่า 13 ครั้ง ในข้อหา เสพยาบ้า, ครอบครองยาบ้า, ครอบครองยาไอซ์, ขับเสพฯ, ร่วมกันชิงทรัพย์ ชิงโทรศัพท์มือถือเด็กนักเรียน, ลักทรัพย์, ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ร่วมกันวิ่งราวทรัพย์, พรากผู้เยาว์อายุ 13 ปี ไปเพื่อการอนาจารฯ และล่าสุดโดนข้อหา อนาจารเด็กและอยู่ระหว่างการประกันตัว

“โดยตัวเองถูกติดกำไล EM แต่ได้ถอดทิ้งไปเพื่อหลบหนีจะไม่ไปฟังคำพิพากษาของศาล เพราะไม่พร้อมที่จะติดคุก ทั้งนี้ฝากขอโทษครอบครัวของลูกเลี้ยง ทำให้เกิดเป็นปมด้อยเป็นตราบาปกับเด็ก และไม่ได้ไปทำแบบนี้กับเด็กคนอื่นอีกแน่นอน หากเจ้าหน้าที่เผยแพร่ใบหน้าตนไปแล้ว มีเหยื่อมาชี้ยืนยัน ยินดีให้เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเพิ่มเติมได้เลย” เอส คอลาย กล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ประวัติคนร้ายรายนี้ถือว่าโชกโชนมาก ไม่ว่าจะเป็น ยาเสพติด, ชิงทรัพย์, อนาจาร ยาวเป็นหางว่าว เป็นภัยสังคม และจากแผนประทุษกรรมในคดีล่าสุดนี้ เรียกได้ว่าไม่เหลือศีลธรรมในจิตใจ กระทำกับเด็กผู้หญิงวัยเพียง 12 ขวบ ที่เป็นลูกเลี้ยงของตนเองได้ และที่ผมรับไม่ได้คือการบังคับให้เด็กเสพยาเสพติดก่อนลงมือกระทำชำเราเด็ก ผมไม่ต้องการให้คนเช่นนี้เพ่นพ่านในสังคม จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชน หากพบว่าบุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อ หรือมีแนวโน้มที่จะถูกคนร้ายรายนี้กระทำมิดีมิร้าย โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง และแม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ สงสว่าง ผบช.น.