เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่อาคารเรียนรวม มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ศ.พิเศษ ร.ท.ดร.บรรจบ บรรณรุจิ ราชบัณฑิต กล่าวตอนหนึ่งในการบรรยายพิเศษ “บูชาครูกายแก้ว สังคมได้อะไร” จัดโดยหลักสูตรพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต ภาคเสาร์-อาทิตย์ มจร ว่า ครูกายแก้วนั้น ส่วนตัวเชื่อว่ามาจากคนที่สร้างขึ้นเพื่อหวังประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น จตุคามรามเทพ ไอ้ไข่ เป็นต้น กรณีครูกายแก้ว ถ้ายุติ ไม่ยับยั้ง ต่อไปจะมีการสร้างเหรียญ นิมนต์พระไปปลุกเสกด้วย จะทำให้เกิดการซื้อขายกันมาก การเกิดกระแสไม่เห็นด้วย ถือว่าดีแล้ว คนไทยส่วนใหญ่แม้นับถือพุทธศาสนา แต่ก็มักหาที่พึ่งทางใจจากเทพ และโดยเฉพาะชาวบ้านที่มุ่งให้มีกินมีใช้ แม้จะบอกเป็นพุทธ ก็พร้อมที่จะเสียหลักการพุทธ เพื่อนำเทพเจ้าอื่นเข้ามา ปรากฏการณ์ครูกายแก้วที่เกิดขึ้น สะท้อนให้เห็นความเป็นพุทธแท้ของคนไทยมีมากน้อยเพียงใด เพราะการเป็นพุทธแท้ เมื่อเกิดภัยต่อพระศาสนา ต้องพร้อมที่จะป้องกัน กล้าประกาศหลักการของพระพุทธศาสนา

ศ.พิเศษ ร.ท.ดร.บรรจบ กล่าวต่อไปว่า ถ้ามุ่งนับถือครูกายแก้ว เพื่อหวังโชคลาภ ตนมองว่าเมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์เยอะมาก ทั้งพระพุทธรูปโดยเฉพาะพระพุทธรูปทันใจ และยังมีรูปเหมือนครูบาอาจารย์ มองว่าน่าจะพอแล้ว แต่ที่ขอแล้วมีทั้งคนได้ และคนไม่ได้ อยู่ที่อะไร ซึ่งขึ้นอยู่กับบุญของคนขอด้วย เป็นเรื่องที่น่าศึกษา และทุกวันนี้ครูกายแก้วอยู่ในฐานะอะไร ก็ยังไม่ชัดเจนว่า เป็นมนุษย์ หรือเป็นโอปปาติกะ (ผู้เกิดผุดขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยพ่อแม่ อาศัยอดีตกรรม ได้แก่เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย) เป็นเทพ หรือเป็นอสูร ต้องหาสถานะตรงนี้ก่อน เทพกับอสูรล้วนมีฤทธิ์ แต่หากเป็นอสูร อยู่ระดับไหน เพราะหากเป็นอสูรระดับไปตกทุคติภูมิ (ภูมิไม่ดี) พวกนี้จะมีฤทธิ์ในทางไม่ดี แต่หากเป็นอสูรใกล้ชิดเทวดาใกล้สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ จัดเป็นอสูรที่เป็นเทพ ซึ่งเท่าที่ดู ครูกายแก้วไม่น่าจะเป็นอสูรประเภทนี้ แต่ก็ไม่สามารถบอกว่าเป็นอสูรประเภทใด เพราะจะไปขัดศรัทธาของคนที่นับถือ อย่างไรก็ตามเห็นว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สง่างามในบ้านเราปัจจุบันก็มีมากพอแล้ว คงไม่ต้องไปเอาของที่ไหนเข้ามาอีกแล้ว ผู้ที่ศรัทธาครูกายแก้วเป็นการหาที่พึ่ง เมื่อมีคนสร้างปรากฏการณ์ ก็หวังไปหาที่พึ่ง แต่ตนก็ยืนยันว่า เมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้พึ่งมากพอ ไม่ต้องไปนำมาเพิ่มจากไหนแล้ว