สำนักข่าวชั้นนำระดับโลกทุกแห่ง เกาะติดสถานการณ์การเมืองไทย ในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย เดินทางกลับมาตุภูมิเป็นครั้งแรก หลังลี้ภัยในต่างประเทศมานาน


แม้นายทักษิณ วัย 74 ปี เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายของไทย อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวยังคงยืนกรานว่า คดีความทั้งหมด “เป็นข้อกล่าวหาทางการเมือง”


ทั้งนี้ สื่อต่างประเทศให้ความเห็นไปในทางเดียวกัน ว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณครั้งนี้ “เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ” กับการที่รัฐสภาของไทยเตรียมลงมติในชวงเย็นของวันเดียวกัน ว่าจะเห็นชอบนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย “หรือไม่”


ขณะเดียวกัน ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า นายทักษิณคือ “ผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” ให้กับการเมืองไทย ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา หรือนับตั้งแต่การรัฐประหารโค่นรัฐบาลของนายทักษิณ เมื่อปี 2549 และการเดินทางกลับของเจ้าตัว เกิดขึ้นเพียงวันเดียว หลังพรรคเพื่อไทยบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาล ร่วมกับพรรครัฐบาลขั้วเก่าแทบทุกพรรค


ทั้งนี้ การจับขั้วตั้งรัฐบาลซึ่งทุกฝ่ายจับตามากที่สุด คือการมีพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ รวมอยู่ในพันธมิตร ทั้งที่ทั้งสองพรรค มีความเชื่อมโยงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน โดย พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ทำรัฐประหาร ล้มรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณ เมื่อปี 2557

อย่างไรก็ตาม มีการวิเคราะห์เช่นกันว่า การจัดตั้งรัฐบาลผสมครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรกับ “รัฐบาลพิเศษ”, “รัฐบาลเฉพาะกิจ” หรือ “รัฐบาลข้ามขั้ว” เพื่อป้องกันพรรคก้าวไกล ที่ยังคงยืนกรานจุดยืน “แก้ไข” ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112.

เครดิตภาพ : AFP