เมื่อวันที่ 24 ส.ค. ที่ห้องประชุมราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มีการประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) โดยมี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมผ่านระบบ Zoom ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. …โดย ก.ค.ศ. พิจารณาเห็นว่า ระเบียบ ก.ค.ศ. ว่าด้วยการรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยและการออกจากราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2561 ได้บังคับใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ไม่สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนแปลง ไม่เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน จึงเห็นสมควรให้มีการปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับความเหมาะสมและเพื่อความมีประสิทธิภาพ โดยสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้ 1. กำหนดขั้นตอนการรายงานการดำเนินการทางวินัยการและการรายงานการสั่งให้ออกจากราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และมิได้สังกัดเขตพื้นที่การศึกษา รวมถึงข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสถานศึกษาที่สอนระดับปริญญา โดยยกเลิกคำนิยามและอำนาจหน้าที่ของปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หรือปลัดกระทรวงอื่นที่มีข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา แต่ไม่รวมถึงปลัดกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการรายงานการดำเนินการทางวินัยตามระเบียบนี้ออก เนื่องจากหน่วยงานการศึกษาที่สังกัดปลัดกระทรวงดังกล่าว เช่น สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ มหาวิทยาลัยการกีฬาแห่งชาติ ปัจจุบันมีพระราชบัญญัติจัดตั้งแล้วและมีองค์กรการบริหารงานบุคคลของตนเองแล้ว คือ สภามหาวิทยาลัย/สภาสถาบันทำหน้าที่ออกข้อบังคับการบริหารงานบุคคลและดำเนอนการบริหารงานบุคคล 2. กำหนดระยะเวลาการดำเนินการซึ่งเกี่ยวข้องกับการรายงานการดำเนินการทางวินัยและการสั่งให้ออกจากราชการ 3. กำหนดวิธีการและเอกสารประกอบการรายงานการดำเนินการทางวินัยและการให้ออกจากราชการของผู้บังคับบัญชา หรือผู้มีอำนาจตามมาตรา 53 แล้วแต่กรณี อาจกระทำได้โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์โดยมีรายการตามเอกสารตามรายการแนบท้ายระเบียบ
นอกจากนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบ การแก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ และหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย อีกที้งเห็นชอบ (ร่าง) หลักเกณฑ์และวิธีการนำบัญชีผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ขณะเดียวกันได้อนุมัติการจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวนทั้งสิ้น 16,019 อัตรา จำแนกเป็นสังกัดสำนักงานปลัด ศธ. จำนวน 106 อัตรา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) จำนวน 5 อัตรา สังกัด สพฐ. จำนวน 15,194 อัตรา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) จำนวน 539 อัตรา สังกัดกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) จำนวน 175 อัตรา โดยให้ สพฐ. สอศ. และ สกร. สงวนอัตราตำแหน่งครูผู้ช่วยที่ได้รับจัดสรรอัตราว่างจากผลการเกษียณอายุราชการฯ เมื่อสิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 3,938 อัตรา จำนวน 183 อัตรา และจำนวน 8 อัตรา ตามลำดับ เพื่อรองรับการบรรจุบุคคลตามโครงการผลิตครูเพื่อพัฒนาท้องถิ่น ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และที่ประชุม ศธ. ที่ให้เป็นไปตามข้อตกลงของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กับส่วนราชการนั้น ๆ.