จากกรณี กระแสข่าวการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย. 66 เป็นที่น่าจับตาว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะพิจารณาแต่งตั้งหรือเสนอชื่อบุคคลใดมาทดแทนตำแหน่งเดิมที่ว่างลงในแต่ละหน่วยงาน โดยเฉพาะสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีกระแสข่าวว่าจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานมั่นคง นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แทนที่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่จะสิ้นสุดวาระ 30 ก.ย. นี้ โดยหากทุกอย่างไปเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.รอย เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบโอนย้ายมาดำรงตำแหน่ง เลขาฯ สมช. เพื่อเปิดทางให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

สะพัดหนัก! โยก ‘รอย อิงคไพโรจน์’ นั่ง ‘เลขาฯสมช.’ เปิดทาง ‘ต่อศักดิ์’ ผงาด ‘ผบ.ตร.’

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เดลินิวส์ ออนไลน์ จะมาทำความรู้จักกับ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ให้ดีขึ้นกันอีกสักครั้ง โดย พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ หรือ “รองรอย” เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 24 นายร้อยตำรวจรุ่น 40 เกษียณอายุราชการปี 2567 ในรอบปีผลงานโดดเด่นจากการรับผิดชอบหน้าที่ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการรักษาความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยการจัดการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศลต.ตร.) ภารกิจหลักดูแลความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ปี 2562 และปี 2565 และการได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบดูแลรักษาความปลอดภัยภารกิจ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC 2022 Thailand

ไม่เพียงเท่านี้ “รองรอย” ยังสวมบท ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT นำทีมปราบปรามภัยทางออนไลน์ที่กำลังสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน รวมทั้งรับผิดชอบศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง (ศตปค.ตร.), ศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.) และศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.)

และด้วยฝีมือลายมือในการทำงานผ่านงานระดับ ตร. ทุกหน้างาน ทั้งงานปราบปราม, งานสืบสวน และงานความมั่นคง จนแวดวงสีกากีต่างยอมรับ อีกทั้งมีวิสัยทัศน์ทันสมัย ใส่ใจในเรื่องการพัฒนาระบบ นำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน

ขณะที่เวลาทำงานตัดสินใจเด็ดขาด ตรงไปตรงมา เน้นทำงาน-ไม่ออกสื่อ จนเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชา ทำให้บ่อยครั้ง “รองรอย” จะได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญ อาทิ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง “ผู้ช่วย ผบ.ตร.” ได้รับมอบหมายให้ไป “รรท.ผบช.ภ.2” คุมพื้นที่สีแดง แก้ไขปัญหาบ่อนพนันภาคตะวันออก กู้วิกฤติศรัทธาให้ประชาชนกลับมาเชื่อมั่นตำรวจอีกครั้ง

นอกจากนี้ ยังได้รับมอบหมายให้เป็น รอง ผอ.ศูนย์ตรวจสอบการกระทำผิดต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของรัฐ ได้รับมอบวางแนวทางการปฏิบัติงานของงานป้องกันปราบปรามในการระงับเหตุจนลดการสูญเสียกำลังพล ตลอดจนเคยดำรงตำแหน่ง ผอ.ศูนย์ปราบปรามค้ามนุษย์ ห้วงปี 2564-2565 วางแนวทางการปฏิบัติจนทำให้ปรับระดับเทียร์ (Tier) ดีขึ้น

อีกทั้งวางระบบการประสานงานยุติธรรม ทำให้คดีสั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์ (0) ด้านงานปราบปรามยาเสพติดเป็น ผอ.ศูนย์ยาเสพติด ตร. ปี 2564-2565 จับกุมและเน้นการยึดทรัพย์จนบรรลุเป้าหมายของรัฐบาล

ขณะที่เมื่อครั้งเป็น “ผบก.ทท.” ได้นำเทคโนโลยีการตรวจจับใบหน้าและทะเบียนรถมาใช้ในแหล่งท่องเที่ยว เพื่อป้องกันเหตุร้าย ควบคู่กับการริเริ่มนำแอปพลิเคชัน Line ใช้สื่อสารกับนักท่องเที่ยว สร้างแอป “Tourist Buddy” ให้ตำรวจเป็นคู่หู ผู้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว สามารถแจ้งเหตุเพื่อเข้าช่วยเหลือได้ทันที

นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ริเริ่มเสนอแนวคิด “เครื่องแบบสนาม” สำหรับข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่งานป้องกันปราบปรามที่ใช้ในปัจจุบัน