เมื่อวันที่ 9 ก.ย. มีรายงานว่า ในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือน ก.ย. 66 เป็นที่น่าจับตาว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะพิจารณาแต่งตั้งหรือเสนอชื่อบุคคลใดมาทดแทนตำแหน่งเดิมที่ว่างลงในแต่ละหน่วยงาน โดยเฉพาะสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มีกระแสข่าวว่าจะเสนอชื่อ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. รับผิดชอบงานมั่นคง นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แทนที่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่จะสิ้นสุดวาระ 30 ก.ย. นี้ โดยหากทุกอย่างไปเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะมีการเสนอชื่อ พล.ต.อ.รอย เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาเห็นชอบโอนย้ายมาดำรงตำแหน่ง เลขาฯ สมช.

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า หากกระแสข่าวที่ว่า พล.ต.อ.รอย จะโยกไปนั่งเลขาฯ สมช. จริง เท่ากับว่าการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจในตำแหน่ง ผบ.ตร. ในวาระ 2566 ที่จะมีขึ้นในเดือน ก.ย. นี้ จะเหลือแคนดิเดตชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. 3 นาย คือ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. หากเป็นไปตามนั้น มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการเปิดทางให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร. ถูกเสนอชื่อขึ้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. หรือไม่

ทั้งนี้มีรายงานว่า ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 93 การโอนข้าราชการตำรวจไปรับราชการในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่น จะกระทำได้เมื่อเจ้าตัวสมัครใจ และส่วนราชการหรือหน่วยงานต้องการจะรับโอนผู้นั้น โดยให้ส่วนราชการ หรือหน่วยงานที่ขอรับโอน ทำความตกลงกับสำนักงานตารวจแห่งชาติ เช่นเดียวกับกรณีของ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่กระโดดข้ามห้วยเป็นข้าราชพลเรือน แทน นายวิชัย ไชยมงคล เลขาฯ ป.ป.ส. ที่จะเกษียณราชการในวันที่ 30 ก.ย. นี้ หลังจากนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย รักษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในขณะนั้น ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ ยธ.02002/1091 ลงวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา ถึง ผบ.ตร. เพื่อขอโอนย้ายข้าราชการ พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง กระทรวงยุติธรรม เนื่องจากเห็นว่า เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้นสังกัดและทาง พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ ตอบรับในเรื่องนี้

สำหรับ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1 เกิดวันที่ 6 ส.ค. 2507 เกษียณอายุราชการปี 2567 เป็นนักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่น 24 นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 40 ผ่านหลักสูตร FBI และหลักสูตรสืบสวนที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย เส้นทางรับราชการตำรวจดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ ผกก.7 บก.ทล., ผกก.2 บก.ทล., รอง ผบก.ทล., รอง ผบก.สบพ., รอง ผบก.ฝรก., ผบก.ทท., รอง ผบช.ก. ขึ้น ผบช.สันติบาล ขยับมาเป็น ผบช.ศ. ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ รอง ผบ.ตร.ดูแลงานด้านความมั่นคง อย่างไรก็ตาม ในการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร. ในวาระ 2566 ที่จะเกิดขึ้นกลางเดือน ก.ย. จะมีการนำ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 มาใช้เป็นหลักในการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดว่า กระแสดังกล่าวจะเป็นจริงหรือไม่