เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล กล่าวถึงกรณีการเดินหน้าเปิดประเทศในวันที่ 1 ต.ค. ว่า ขณะนี้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาไม่น่ากลัว แต่ที่ห่วงคือสายพันธุ์ใหม่ที่อาจเกิดขึ้น และมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพวัคซีน ทั้งนี้ ตนเข้าใจว่าการเปิดประเทศเป็นการคิดเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แต่อยากให้นำบทเรียนของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มาประกอบการพิจารณา เพราะแม้ฉีดวัคซีนครบแต่มีโอกาสติดเชื้อ และหากยกเลิกมาตรการกักตัว (Quarantine) น่าเป็นห่วง อย่าลืมว่าการทำแซนด์บ็อกซ์คือทำเฉพาะพื้นที่ ไม่ใช่พื้นที่ทั้งหมด หากเกิดการติดเชื้อไม่เกิดผลกระทบวงกว้างจึงสามารถยกเลิก หรือแก้ไขได้

ศ.นพ.ประสิทธิ์ เตือนว่าการเปิดประเทศที่ไทยกำลังทำถือว่าเปิดเร็วกว่าประเทศอื่นๆ อันนี้มองในทางวิชาการ เพราะการเปิดประเทศในต่างประเทศหมายความว่า ประเทศนั้นๆฉีดวัคซีนเกิน 70% แต่สำหรับประเทศไทย ขณะนี้การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 แค่ 38% เข็ม 2 เพียง 18% เท่านั้น หากต้องการความชัวร์ว่าเปิดจริงมีความปลอดภัยต้องฉีดวัคซีนเข็ม 1 ให้ได้ 60% และ เข็ม 2 ต้องได้ 40-50% แต่จะเร่งฉีดตอนนี้คงไม่ได้ความจริงหากต้องการเปิดประเทศควรรออีกสัก 1 เดือนเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างพร้อมจริงๆ ดังนั้นใครทำอะไรต้องรับผิดชอบด้วย

“จากการนี้การทำงานของแพทย์คงต้องกลับมาเหนื่อยยังแทบไม่ได้พักกันเลย ตอนนี้สิ่งที่ห่วงคือหากมีการกลับมาระบาด เตียงผู้ป่วย เตียงไอซียูต้องเพียงพอ ไม่ควรต้องเผชิญกับเตียงไม่พอ และหวังว่าจะไม่เกิดการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสที่มีผลต่อวัคซีน” ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าว