นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอีเอส โดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นตัวแทนในการดำเนินงาน พาประเทศไทยเข้าร่วมงาน เวิลด์ เอ็กซ์โป 2020 ดูไบ( WORLD EXPO 2020 DUBAI)  ภายใต้แนวคิดหลัก “เชื่อมความคิด สร้างอนาคต : CONNECTING MINDS, CREATING THE FUTURE” หรือการสะท้อนให้เห็นถึงการขับเคลื่อน ให้เกิดความก้าวหน้า ด้วยการเชื่อมโยงผู้คน องค์กร และประเทศต่าง ๆ เข้าไว้ด้วยกัน งานครั้งนี้มีสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 192 ประเทศ ซึ่งการเข้าร่วมงานของประเทศไทย ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานพันธมิตร ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนาเนื้อหานิทรรศการ ตลอดจนสร้างสรรค์กิจกรรมที่น่าสนใจในหลากหลาย รูปแบบที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาจัดแสดง ณ อาคารแสดงประเทศไทย ตลอด 6 เดือน ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 64 จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 65 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

“การเข้าร่วมงาน World Expo 2020 Dubai ในครั้งนี้ นอกจากการจัดแสดงทางวัฒนธรรมประเพณี เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้เข้าชมงานแล้ว ยังถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยจะได้ใช้เวทีอันทรงเกียรติแห่งนี้ สร้างความเชื่อมั่นให้นานาชาติได้เห็นถึงศักยภาพ และความพร้อมด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทย การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล การพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงระบบการแพทย์และสาธารณสุขของไทย ตลอดจนกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่โอกาสใหม่ในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ผ่านการค้า การลงทุน และการสานต่อความสัมพันธ์อันดีกับประเทศสมาชิกที่เข้าร่วมงาน” นายชัยวุฒิ กล่าว

 น.ส.อัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย ปลัดกระทรวงดีอีเอส  กล่าวว่า งานนี้ได้ถูกเลื่อนมาจากปีที่แล้ว ทำให้ต้องปรับกระบวน การทำงาน บริการจัดการใหม่  เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ภายใต้งบประมาณเท่าเดิม โดยขณะนี้อาคารแสดงประเทศไทย หรือ ไทยพาวิลเลี่ยน ได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อย นำเสนอ ผ่านนิทรรศการทั้ง 4 ห้อง คือไทย โมบิลิตี้ , โมบิลิตี้ ออฟไลฟ์ , โมบิลิตี้  ออฟ เดอะ ฟิวเจอร์ และ ฮาร์ท ออฟ โมบิลิตี้   บอกเล่าเรื่องราวเสน่ห์ ของประเทศไทย โดยจะมีการทดลองระบบ ของอาคาร ในช่วงปลายเดือนนี้ และเปิดต้อนรับผู้เข้าชมงาน อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ต.ค. 64

ด้านนายณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ ดีป้า กล่าวว่า การจัดงานในครั้งนี้ ทางเจ้าภาพคาดว่าจะมีคนเยี่ยมชมงาน 15  ล้านคน  แต่ด้วยสเกลพื้นที่การจัดงานที่ใหญ่อาจจะมีการเยี่ยมชม  2  ครั้งต่อคน ซึ่งในส่วนของดีป้าคาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชม ไทย พาวิลเลี่ยนไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ตลอดระยะเวลา 6 เดือน และผู้เข้าเยี่ยมชมเหล่านี้ เมื่อเห็นการจัดนิทรรศการแสดงถึงความเป็นไทย เชื่อว่าจะกลายมาเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย ได้ไม่น้อยกว่า 3 แสนคน โดยเฉพาะหลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่น้อยว่า 3,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในด้านบริการสุขภาพของไทยที่เป็นที่นิยมของคนในภูมิภาคตะวันออกกลาง นอกจากนี้คาดว่ายังจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยที่ได้รับการคัดเลือกนำสินค้าไปจัดแสดง ได้มีการเจรจาจับมือทางธุรกิจกับต่างชาติ   เและสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อีกไม่น้อยกว่า 500  ล้านบาทด้วย.