เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากติ๊กต็อกที่ใช้ชื่อว่า “Jojo Chuenngam” ได้โพสต์คลิปที่ระบุข้อความว่า “แท็กซี่เขมรเย้ยไทย ออกมารับจ้างในไทย ไม่เกรงกลัวกฎหมายไทย” พร้อมเผยคลิปภาพขณะมีการแอบบันทึกเสียงและภาพสนทนากับชาวกัมพูชา ที่เป็นลูกค้าของรถแท็กซี่ชาวกัมพูชา ซึ่งเป็นรถแวนสีขาว 2 คัน ติดสติกเกอร์คำว่า “VIP” เฟซบุ๊ก ช่องทางติดต่อต่างๆ ที่กระจกด้านหลังรถ มาจอดรอรับผู้โดยสารชาวกัมพูชาที่บริเวณริมถนนฝั่งไทย ห่างจากประตูด่าน จุดผ่านแดนถาวรช่องจอม ประมาณ 300 เมตร เพื่อหลบเลี่ยงสายตาเจ้าหน้าที่ หลังจากขับข้ามแดนเข้ามาจอดรอรับลูกค้าชาวกัมพูชา ที่ทยอยเดินข้ามแดนมาขึ้นรถที่บริเวณจุดดังกล่าว

โดยภายในคลิปมีการสนทนาเป็นภาษาเขมร ลูกค้าชาวกัมพูชาบอกว่า มาใช้บริการรถของชาวกัมพูชาที่มาจอดรอรับ คนละ 500 บาท เดินทางไปเที่ยวตามจุดต่างๆ 3 จุด อาทิ อ.ปราสาท ตัวเมืองสุรินทร์ และวัดหลวงปู่สรวง อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ก่อนที่เจ้าของคลิปจะถามคนขับรถว่า รถแท็กซี่เขมรเขาไม่ให้ข้ามมาแล้ว ยังข้ามมารับผู้โดยสารอีก ก่อนที่คนขับรถชาวกัมพูชาจะตอบกลับมาว่า เขามารับญาติพี่น้องไปธุระ เจ้าของคลิปบอกว่าถามเมื่อกี้ว่า เสียคนละ 500 บาท ไม่ใช่ญาติพี่น้อง พวกเอ็งขับมารับทุกวัน ส่งญาติพี่น้องยังไงได้ทุกๆ วัน รถคันนี้เห็นทุกวัน มารับคนทุกวัน บางวันมาเรียกคนหน้าตู้ตนอีกด้วย ตม. ก็แจ้งไปแล้ว ว่าห้ามชาวกัมพูชานำแท็กซี่ออกมารับจ้างในประเทศไทย แต่วันนี้ก็ยังพบอีก ขอให้หน่วยงานรัฐช่วยกวดขันกันอย่างจริงๆ จังๆ ด้วย

ขณะที่อีกคลิปของติ๊กต็อกชื่อเดียวกัน เขียนข้อความว่า “แท็กซี่กัมพูชา มารับจ้างในไทย ด่านช่องจอม” มีการแอบถ่ายบันทึกภาพจากในรถ ขณะรถแท็กซี่ของชาวกัมพูชา กำลังพากันขับข้ามแดนเข้ามาจำนวนหลายคัน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถแวนไม่เกิน 7 ที่นั่ง เข้าออกนับสิบๆ คัน บางคนเดินทางไปจุดเดียว เช่นในตัวเมืองสุรินทร์ จะคิดหัวละ 150 บาท หากเป็นเหมาก็คนละ 500 บาท แล้วแต่ว่าตกลงกันว่าจะไปจุดไหนบ้าง กี่จุดอย่างไร

ด้านนายเดชา ปัณตะยัง นายท่ารถตู้จุดช่องจอม ซึ่งเป็นเจ้าของคลิปดังกล่าว เปิดเผยว่า แท็กซี่กัมพูชา จะให้ผู้โดยสารยื่นเอกสารข้ามแดนปกติ ก่อนให้เดินข้ามมารอที่จุดเลยไปหน่อย จากนั้นรถแท็กซี่ชาวกัมพูชาก็จะขับตามมารับ หลังจากยื่นเอกสารบุคคลและรถในการขอข้ามแดนตามกฎหมาย บางทีก็จอดรอรับแถวนี้ มีแต่คันเดิมๆ พวกรับจ้างน่าจะ 30-40 คันได้แต่ละวัน ที่เห็นประจำๆ พอ ตม. แจ้งไม่ให้รถแท็กซี่กัมพูชามารับจ้างในไทย เขาก็จะรับมาจากด้านบนใกล้ๆ ประตูด่าน เพื่อเลี่ยงพวกเราที่ขับรถตู้สังเกตและสอบถามได้ และเราก็จะไม่รู้ว่ารถญาติพี่น้องหรือรถรับจ้าง เวลาเขาไม่ได้นัดแนะกับลูกค้า ก็จะมานั่งรอบริเวณนี้

นายเดชา เปิดเผยต่อว่า เมื่อตนสอบถามก็ทราบว่าไปสุรินทร์ จ่ายคนละ 150-200 บาทต่อคน ไปกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัดอะไรก็มีหมด ทำให้ลูกค้าของพวกตนรถตู้ที่มีกว่า 28 คัน ลูกค้าเงียบเหงา บางเที่ยวแทบไม่มีลูกค้า ก็ต้องวิ่งตามคิว ออก 20 นาทีต่อคิวต่อคัน เป็นปัญหามานานนับปีแล้วตั้งแต่เปิดด่านหลังโควิด และเริ่มมีแท็กซี่กัมพูชา ก็ทำให้ลูกค้าน้อยลง เมื่อก่อนวิ่งเต็มคันทุกเที่ยว พวกเราชาวรถตู้ที่ทำตามกฎหมายเป็นรถประจำทาง ก็ได้รับผลกระทบ ตนขอฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยดูแลแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้พวกเราชาวรถตู้สายสุรินทร์-ช่องจอม ด้วย

นายปฏิภัทร์ โฮมภิรมย์ โชว์เฟอร์รถตู้สายสุรินทร์-ช่องจอม อายุ 48 ปี กล่าวว่า พวกตนออกรถตู้ 20 นาทีครั้ง ลูกค้าไม่มีก็ต้องออก ได้รับผลกระทบจากแท็กซี่กัมพูชา ที่มารับลูกค้าตัดหน้า ทั้งที่พวกตนวิ่งถูกกว่าไปสุรินทร์เที่ยวละ 60 บาทเท่านั้น เขาบอกว่ามารับญาติ แต่ญาติทำไมมีทุกวัน คันเดิมๆ มารับเป็นปีแล้ว ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยแก้ไขปัญหาให้ด้วย บางวันได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่มีคนก็ต้องออก

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่ ตม.สุรินทร์ นายหนึ่ง เผยว่า ระเบียบกฎหมายไทย ให้รถไม่เกิน 7 ที่นั่ง เข้ามาฝั่งไทยได้ แต่ต้องมีเอกสารการขออนุญาตทั้งรถที่นำเข้าและบุคคลตามระเบียบกฎหมาย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าคันไหนเป็นรถแท็กซี่ และก็มีการขออนุญาตข้ามแดนปกติเหมือนรถคันอื่นๆ เราไม่สามารถห้ามไม่ให้ข้ามมาได้ เพราะเขาทำตามระเบียบ หากไม่ให้ข้าม ก็อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่หลังจากแท็กซี่กัมพูชาข้ามมาแล้ว จะไปจอดรับใครจุดไหนบริเวณไหนก็ไม่ทราบได้ จึงได้แต่แจ้งไปทางกัมพูชาว่าห้ามนำแท็กซี่มารับจ้างฝั่งไทยเพราะผิดกฎหมาย ส่วนการกวดขันจับกุมนั้น ก็ต้องเป็นเรื่องของ จนท.ขนส่ง ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการกวดขันจับกุมต่อไป.