ออกมาเปิดใจครั้งแรกของคุณแม่สายสตรอง เจมส์ กาลย์กัลยา ภรรยา เชน-ธนาตรัยฉัตร ครอบครัวคนบันเทิงที่มีลูกดกถึง 5 คน กับเส้นทางกว่าจะเป็นแม่ที่ผ่านการตั้งครรภ์มาแล้ว 3 ครั้ง ครรภ์ที่ 1 ลูกชายคนโต น้องสเปซ ครรภ์ที่ 2 ลูกสาวคนรอง น้องสเตลล่า และครรภ์ที่ 3 ใส่แฝด 2 แต่แตกตัวเป็นแฝด 3 คน ได้แก่ น้องสตาร์รี่ และแฝดชายแท้ 2 คน น้องสโนว์ และ น้องสกายเลอร์ ลูกดกขนาดนี้ดูแลตัวเองอย่างไร และผ่านวิกฤติ อะไรมาบ้าง เพราะตั้งครรภ์แฝด 3 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทำเอาหลายคนสนใจหนักมากทันที

เจมส์ ได้เล่าถึงเส้นทางเรื่องนี้ว่า “กว่าจะเป็นแม่ ที่เริ่มจากอุปสรรคท้องยากเนื่องจากไข่น้อยในช่วงอายุ 27-28 ปี และพยายามมีลูกเองตามธรรมชาติแต่ไม่ท้อง จนได้มาปรึกษาเตรียมบำรุงเข้าสู่กระบวนการทำอิ๊กซี่กับครูก้อย นัชชา ซึ่งครั้งนั้นมีเวลาเพียง 2 เดือน เพื่อที่จะท้องและคลอดในปีที่ต้องการ หลังจากเจมส์บำรุงเตรียมตั้งครรภ์ตามคำแนะนำของครูก้อย ทำให้ครั้งนั้นได้ตัวอ่อนคัดโครโมโซมผ่าน 2 ตัว เลือกใส่ 1 ตัว ประสบความสำเร็จท้องน้องสเปซลูกชายคนแรกมาชื่นชมสมใจ และจากการเตรียมบำรุงมาอย่างดีทำให้น้องสเปซมีน้ำหนักแรกเกิด 3.3 กิโลกรัม สมบูรณ์แข็งแรง หลังหยุดให้นมน้องสเปซลูกชายคนโต 1 เดือน ก็ท้องลูกคนที่ 2 น้องสเตลล่าลูกสาวคนรอง น้องมาธรรมชาติแบบไม่ทันตั้งตัว พร้อมแชร์เป็นอุทาหรณ์ที่ไม่เตรียมบำรุงก่อนตั้งครรภ์ให้ดี เจอภาวะถุงน้ำคร่ำรั่ว คลอดก่อนกำหนด และลูกต้องอยู่ในตู้อบนาน 2 สัปดาห์ เจาะสายน้ำเกลือ ใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งบีบคั้นหัวใจของคนเป็นพ่อเป็นแม่มากและด้วยความอยากมีลูกเพิ่มจึงวางแผนท้องที่ 3 แต่ด้วยความชะล่าใจว่าท้องที่ 2 มาเองตามธรรมชาติได้ เลยไม่ได้บำรุงอะไรมาก กินตามใจปาก และคิดว่าอายุยังน้อยในวัย 31 ปี ปรากฏว่ากระตุ้นไข่รอบแรกเสียเงินฟรี เพราะตัวอ่อนตรวจโครโมโซมไม่ผ่านเลย จึงปรึกษาครูก้อย นัชชาในการบำรุงเตรียมตั้งครรภ์อย่างจริงจังประมาณ 3-4 เดือน ก่อนกระตุ้นไข่รอบที่ 2 ปรากฏว่าค่า AMH ดีขึ้น เมื่อเทียบกับตอนอายุ 27 ปี ค่า AMH 1 นิดๆ และหลังจากบำรุงเตรียมตั้งครรภ์มาอย่างดี ค่า AMH ขึ้นมา 2 กว่า ในวัย 31 ปี กระตุ้นไข่ได้ 16-17 ใบ เลี้ยงตัวอ่อนได้ระยะบลาสโตซิสต์เดย์ 5 ทั้งหมด 5 ตัว และคัดโครโมโซมผ่านทั้ง 5 ตัว 100 % ซึ่งเกินเกณฑ์สถิติ”

ในท้องที่ 3 ตัดสินใจใส่แฝด 2 ปรากฏว่า แตกตัวเป็นแฝดแท้อีก 1 กลายเป็นแฝด 3 ซึ่งการอุ้มท้องแฝด 3 ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณหมอให้เลือก Terminate หรือ ทำลายถุงตั้งครรภ์ 1 ถุง เพราะมีความเสี่ยงสูงทั้งต่อคุณแม่และลูกในท้อง แต่ด้วยความรักและหัวใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ของทั้งคู่ ขอเลือกเก็บไว้ทั้ง 3 คน ยอมรับความเสี่ยงและสู้เพื่อลูก พร้อมปฏิบัติตัวและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามคำแนะนำของคุณหมอ เพื่อที่จะอุ้มท้องแฝด 3 อย่างมีคุณภาพ และมีอายุครรภ์ครบตามกำหนดคลอด แม้จะต้องนอนแอดมิตในโรงพยาบาลตั้งแต่อายุครรภ์ 30 สัปดาห์ก็ตาม ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเยอะมาก อายุครรภ์ 3-4 เดือนห้ามเดินเยอะ เมื่อเข้าเดือนที่ 5 ต้องเดินให้น้อยที่สุด เพราะท้องขยายใหญ่คูณ 3 เท่าจากครรภ์เดี่ยว และต้องแอดมิทนอนโรงพยายาบาลตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 7 เดือน เพื่อป้องกันความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดและอยู่ใกล้หมอมากที่สุด นอนนิ่งๆ ค่อยๆ พลิกตัว ทำธุระส่วนตัวบนเตียงนอนในช่วงใกล้คลอด รวมนอนติดเตียงในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลา 2 เดือน ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการพยุงการตั้งครรภ์ให้นานที่สุด พออายุครรภ์ครบ 34 สัปดาห์ สำหรับแฝด 3 คุณหมอถือว่าโอเคแล้วสามารถคลอดได้ คอยถามทุกวันจะคลอดไหม แต่ “เจมส์ กาลย์กัลยา” ยื้ออายุครรภ์อุ้มท้องแฝด 3 จนครบ 37 สัปดาห์ หรือ 9 เดือน เพราะอยากให้แฝด 3 อยู่ในครรภ์จนครบอายุครรภ์เหมือนเด็กครรภ์เดี่ยว เพื่อที่ลูกๆ จะได้ไม่ต้องเข้าตู้อบ ด้วยความรักความห่วงใยและหัวใจสุดแสนทรหดของผู้เป็นแม่ที่พร้อมจะเสียสละและทุ่มเทเพื่อลูก”

เจมส์ เล่าต่อว่า “การท้องแฝด 3 ทำให้รู้ว่าการบำรุงเตรียมตั้งครรภ์สำคัญมาก เพราะลูกแฝดทั้ง 3 คนสมบูรณ์แข็งแรงดี แต่ละคนมีน้ำหนักตัวในครรภ์เท่าเด็กครรภ์เดี่ยว และอายุครรภ์อยู่ครบ 37 สัปดาห์ หรือ 9 เดือนกว่า ซึ่งเป็นเบสเคสสำหรับแฝด 3 มากๆ และไม่มีภาวะถุงน้ำคร่ำรั่ว เหมือนเคสท้องที่ 2 ทั้งๆที่ท้องขยายใหญ่มาก โดยในช่วงใกล้คลอดผนังมดลูกหนาเพียง 1 มิลลิเมตร พยุงเด็กทั้ง 3 คนไว้ แต่ถุงน้ำคร่ำไม่รั่วเลย มดลูกยืดหยุ่นดีมาก และก่อนคลอดคุณหมอมีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้าและให้ทำข้อตกลงไว้ก่อนคลอดเลยว่า หากหลังคลอดมดลูกไม่หดตัวกลับเข้าไปเหมือนเดิมต้องผ่าตัดมดลูกทิ้ง โอกาสที่จะกลับเข้ามามันน้อยมาก แต่ปรากฏว่าหลังคลอดมดลูกหดตัวดี ไม่ต้องตัดออก และแฝดทั้ง 3 คนน้ำหนักตัวดี ไม่ต้องเข้าตู้อบ โดย “สตาร์รี่” ลูกสาว น้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม และแฝดชายแท้ “สโนว์” น้ำหนัก 2.4 กิโลกรัม และ “สกายเลอร์” น้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม อยู่โรงพยาบาล 3 วันกลับบ้านได้ปกติ เหมือนเด็กครรภ์เดี่ยว จึงทำให้ยิ่งมั่นใจว่าการบำรุงก่อนเตรียมตั้งครรภ์และระหว่างตั้งครรภ์สำคัญมากเพราะส่งผลต่อคุณภาพของการตั้งครรภ์ สุขภาพของทารกในครรภ์ และหลังคลอดทำให้ร่างกายฟื้นตัวเร็ว และสามารถปรึกษากับครูก้อยได้ที่เพจ babyandmom ค่ะ”