จากกรณีรายการโหนกระแสได้เชิญ อ.สุขุม มีพันแสน นักวาดภาพชื่อดัง มาออกรายการหลังจากทาง อ.สุขุม อ้างว่า เป็นผู้ครอบครอง นิ้วมือของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ ซึ่งเมื่อนำไปห้อยคอแล้ววาดภาพ ก็จะมีแรงบันดาลใจ ซึ่งการเชิญอาจารย์มาออกรายการนั้นเพราะต้องการทราบว่าไปครอบครองกระดูกของบุคคลสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างไร ปรากฏว่าได้เกิดดราม่าขึ้น โดย นายดอยธิเบศร์ ดัชนี บุตรชายของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่เคยอนุญาตให้ใครครอบครองกระดูกของพ่อตัวเอง และไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะทำเช่นนั้น นอกจากนี้ยังได้โพสต์ต่อต้านการกระทำในลักษณะ เอากระดูกของศิลปินต่าง ๆ มาอวดอุตริ อีกด้วย

เกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ในรายการเที่ยงวันทันเหตุการณ์ โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ซึ่งเป็นพิธีกรในรายการโหนกระแส ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า นายดอยธิเบศร์ ดัชนี บุตรชายของ อ.ถวัลย์ ดัชนี ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า เถ้าอัฐิของ อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี จากพิธีพระราชทานเพลิงศพนั้นได้นำไปลอยอังคารด้วยตนเอง ณ แม่น้ำโขง ไม่เคยมอบให้ใครที่ไม่ใช่คนในครอบครัว ทำให้เป็นประเด็นที่ว่า 1. อ.สุขุม มีกระดูกจริงหรือเปล่า หรือเป็นประดูกปลอม 2. ทำไมรายการโหนกระแสไม่ได้มีการกลั่นกรอง นำเรื่องราวมาออกรายการได้อย่างไร

ทั้งนี้ “หนุ่ม กรรชัย” ได้กล่าวว่า ทางคุณดอยธิเบศร์ ได้พูดคุยกับผมแล้ว ไม่ได้ติดใจผมอะไรเลย เพียงแต่ติดใจคนที่เอากระดูกพ่อของเขาไป ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่าใช่หรือไม่ใช่ จากนั้นก็ได้มีการโพสต์ขอบคุณผมไว้ด้วย แต่ก็ยังไม่วายเกิดดราม่าขึ้นมาอีก เพราะมีสื่อบางสำนักเอาไปเขียนทำนองว่า ทายาทอาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ดาหน้าฉะเดือดอีก จึงได้ประสานโทรศัพท์พูดคัยกับ นายดอยธิเบศร์ ในรายการอีกครั้ง

โดย นายดอยธิเบศร์ เปิดเผยว่า กระดูกที่นำไปนั้นเป็นกระดูกของคุณพ่อจริง โดยคุณมีนา ได้หยิบไปจริง เพราะต้องการเก็บไว้บูชา มีหลักฐานเป็นวิดีโออยู่ ซึ่งตนไม่คิดว่าเขาจะนำไปให้ใคร เพราะเขาก็ไม่ได้บอกตน ตรงนี้เขาขอยอมรับผิด และเมื่อหนุ่ม กรรชัย ถามว่า ประเด็นที่ไม่พอใจคือเรื่องที่ เอากระดูกไปเสริมพลังวาดรูปใช่หรือไม่ นายดอยธิเบศร์ กล่าวว่า เรื่องกระดูกเป็นเรื่องของจริยธรรม เพราะการจะเอากระดูกของใครก็ตาม ต้องเอาไปอย่างถูกต้อง ได้รับการอนุญาต ซึ่งหากเอาไปเคารพบูชาเสมือนพ่อหรือครูบาอาจารย์ ตนคิดว่าควรจะเอาไปทำอย่างเหมาะสม ไม่ใช่เอาไปห้อยคอแบบนั้น เพราะคนทั่วๆไปก็คงไม่ยอมรับอยู่แล้ว

อีกประเด็นที่ตนเป็นห่วงก็คือ จะเป็นการชี้นำไปว่า ต่อไปหากจะทำงานศิลปะคงไม่ต้องฝึกฝน เรียนหนังสือมา หากจะเป็นศิลปิน หรือ ศิลปินแห่งชาติได้ ก็คงไม่ต้องเรียน เพราะแค่ไปหา พลังจากวัตถุมงคล พลังจากกระดูกคนดัง เอามาห้อยคอ ก็สามารถทำงานศิลปะได้แล้ว อาจเป็นการทำให้สังคมมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ศิลปินที่ทำงานศิลปะมาทั้งชีวิตเสียกำลังใจ ทางผู้ใหญ่ฝากมาเพราะนี่ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวแล้ว แต่เป็นเรื่องกระทบต่อวงการศิลปะและสังคม

“วันลอยอังคารเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ทำให้ตนจำเหตุการณ์ไม่ได้แล้ว จำรายละเอียดไม่ได้ จำได้เพียงไปลอยอังคารกลางลำน้ำโขง บนเรือมีญาติพี่น้องและคุณมีนา อยู่ในนั้นด้วย สำหรับกระดูกที่เป็นชิ้น ๆ ได้ทำพิธีบรรจุโกศไปแล้ว ดังนั้นในวันที่ลอยอังคาร จึงอาจจะมีชิ้นกระดูกเล็กๆปะปนมาด้วย ทำให้ญาติพี่น้องบางคนเก็บเอาไว้ เพราะจังหวะที่ทุกคนหยิบเถ้าไปโปรย อาจจะมีหลุดติดไปบ้าง และเมื่อกลับไปตรวจสอบเรื่องนี้แล้วพบว่ามีการหยิบเอาไปจริง

สำหรับข่าวที่ออกมาในตอนแรก เมื่อเห็นจากรายการโหนกระแสนั้น ยอมรับว่ารู้สึกไม่พอใจ จึงได้โพสต์ตอบโต้ไปในทันทีว่า เพราะเห็นว่าทาง อ.สุขุม เคยโทรศัพม์มาคุยแล้ว และกล่าวขอโทษที่พูดเกินจริง แต่ก็ยังไปพูดเช่นนี้อยู่ สำหรับ คุณหนุ่ม กรรชัย ส่วนตัวชื่นชมในการทำหน้าที่อยู่แล้ว หลังเกิดเหตุ ทางคุณหนุ่มได้ติดต่อเข้ามาพร้อมกับชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นและลบคลิปทั้งหมดออกทันที รวมถึงขอโทษที่ทำให้รู้สึกไม่ดีในเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ตนไม่ติดใจอะไรอีกแล้ว

ต่อข้อถามที่ว่าจะดำเนินคดีอะไรหรือไม่นั้น นายดอยธิเบศร์ กล่าวว่า หลังจากคุณมีนา ออกมาขอโทษและยอมรับผิด รวมทั้งคืนกระดูกให้แล้ว ผมถือว่าจบ และในส่วนของ อ.สุขุม หากสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ก็ไม่ควรแค่ขอโทษผม แต่ควรออกมาขอโทษวงการศิลปะ ควรออกมารับผิดชอบสิ่งที่เป็นผลกระทบต่อวงการศิลปะ

ขณะเดียกวัน อ.สุขุม ได้แถลงข้อเท็จจริงทั้งน้ำตาว่า ผมไม่เคยคิดจะโหนกระแสของใครเลย รูปผมขายได้มานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งขายได้ แล้วกระดูกนี้ก็เป็นของจริงเพราะคุณมีนาได้มอบให้มาจริง มีสัญญาการมอบให้ ซึ่งไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นใหญ่ขนาดนี้ จนทำให้คุณหนุ่ม กรรชัย เดือดร้อนไปด้วย ดังนั้น จึงได้นำเอากระดูกของอาจารย์ถวัลย์ ไปคืนทางคุณดอยธิเบศร์แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้เอากระดูกไปแอบอ้างการทำมาหากิน ที่สำคัญขอกราบขอโทษทางครอบครัว อ.ถวัลย์ และกราบขอโทษอาจารย์ทุก ๆ ท่านด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในเฟซบุ๊กของ นายดอยธิเบศร์ ยังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “…#กลับบ้านกันนะพ่อ ลูกจะไม่ยอมให้ใครมาทำกับพ่อแบบนี้อีก พ่อกับลูกคือลมหายใจเดียวกัน ลูกจะปกป้องชื่อเสียงเกียรติยศของพ่อ และสืบสานต่อยอด เจตนารมณ์ของพ่อเพื่อวงการศิลปวัฒนธรรม แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตและลมหายใจของลูกก็ตาม ได้เวลากลับบ้านเราแล้ว ดร.ดอยธิเบศร์ ดัชนี 17/9/2564…”