เรียกได้ว่าถูกพูดถึงเป็นอย่างมากเพียงชั่วข้ามคืน สำหรับละคร “พรหมลิขิต” ภาคต่อของละครสุดฮิตขวัญใจคนไทยและเอเชีย อย่าง “บุพเพสันนิวาส” ที่ทำกระแสออเจ้าโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง และล่าสุด เมื่อคืนวันที่ 18 ต.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้ออกอากาศตอนแรกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
-ย้อนชีวิต ‘ท้าวทองกีบม้า’ จากชีวิตร่ำรวยสู่เส้นทางตกอับ แต่ทำไมถึงบอกจบสวย?

โดยในเนื้อเรื่องของตอนแรกนั้น ได้เปิดเผยถึงการเปลี่ยนผ่านรัชสมัย จากสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ไปยังสมเด็จพระเพทราชา ซึ่งในช่วงหนึ่งนั้น มีภาพของ “พระปีย์” ที่ถูกสำเร็จโทษ แต่อันที่จริงแล้ว หากย้อนดูข้อมูลทางประวัติศาสตร์เป็นเช่นไรกันแน่?

ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง รับบทเป็น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช และ ธชย ประทุมวรรณ รับบทเป็น พระปีย์

โดยแฟนเพจด้านประวัติศาสตร์ชื่อดังอย่าง “โบราณนานมา” ที่มีผู้ติดตามกว่า 1.1 ล้านคน ได้เผยเอาไว้ว่า “พระปีย์” จบชีวิตโดยถูกฆ่าอย่างน่าอนาถ วันนี้ละครออกอากาศตอนแรก เรื่อง #พรหมลิขิตep1 ต้นเรื่องได้กล่าวถึง “พระปีย์” ถูกสำเร็จโทษ ซึ่งถือเป็นเหยื่อของเหตุการณ์รัฐประหาร

ในปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช “พระปีย์” ได้อยู่รับใช้สนองพระยุคลบาทพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงพระประชวรหนัก “พระปีย์” รู้ตัวว่ามีผู้ประสงค์ร้าย จึงอยู่แต่ในห้องบรรทมของพระเจ้าแผ่นดิน จะออกมาข้างนอกก็เฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องกับพระอาการประชวรเท่านั้น แม้ “พระปีย์” จะมีไพร่พลของตนเองที่เมืองพิษณุโลก แต่ก็ไม่ทันท่วงต่อการปฏิวัติผลัดแผ่นดินได้ เพราะ “พระปีย์” เองเข้าไปพัวพันกับพระราโชบายของสมเด็จพระนารายณ์

วันหนึ่งขณะที่พระปีย์กำลังล้างหน้าริมหน้าต่างยามเช้า ก็ถูกขุนพิพิธรักษา สมุนของหลวงสรศักดิ์ ผลักจนพลัดตกลงจากประตูกำแพงแก้ว พระปีย์จึงร้องเรียกสมเด็จพระนารายณ์ว่า “ทูลกระหม่อมแก้วช่วยด้วย” ก่อนถูกพระเพทราชา จับไปสำเร็จโทษเมื่อวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๒๓๑ และทิ้งศพไว้ที่วัดซาก

ในวาระสุดท้ายที่พระนารายณ์ ทรงทราบจากแพทย์หลวงว่า “พระปีย์” ได้ถูกประหารชีวิตแล้ว และครั้งหนึ่งเมื่อทอดพระเนตรเห็นพระเพทราชาเข้าเฝ้า ก็ทรงพิโรธจัดจนเสด็จสู่วิสัญญีภาพโดยทันที ครั้นทรงฟื้นคืน พระองค์ได้ก็ตรัสบริภาษสาปแช่งพระเพทราชาและหลวงสรศักดิ์ด้วยประการต่าง ๆ นับแต่เวลานั้น สมเด็จพระนารายณ์ทรงเศร้าซึมและพระอาการพระโรคก็ทรุดเสื่อมลงจนถึงที่สุด เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๒๓๑

โดยในพระราชพงศาวดาร ฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ระบุว่า เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ได้ยินเสียงพระปีย์ร้องเรียกดังนั้น ก็ทรงตกพระทัย อาลัยในพระปีย์ จึงมีพระดำรัสว่า “…ใครทำอะไรกับไอ้เตี้ยเล่า…” แล้วเสด็จสวรรคต ส่วนเอกสารของพันตรีโบชองระบุไว้ว่า “พระปีย์” ถูกสำเร็จโทษด้วยการผ่าร่างออกเป็นสามส่วน

ภาพ : นาทีสำเร็จโทษพระปีย์ จากละครเรื่องพรหมลิขิต

ส่วนสาเหตุที่กำจัด “พระปีย์” ก็เพราะพระปีย์เป็นผู้หนึ่งที่มีสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ มีขุนนางสองคน ถูกบังคับให้สารภาพว่าเข้าฝ่าย “พระปีย์” กล่าวหาว่า เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ยักยอกทรัพย์และนำเงินในท้องพระคลังออกนอกพระราชอาณาจักร ส่งผลให้เจ้าพระยาวิไชเยนทร์ถูกประหารชีวิตด้วยการตัดเป็นท่อน ๆ เช่นกัน

“พระปีย์” ชายหนุ่มสามัญชนคนหนึ่ง ซึ่งเคยถูกเชื่อว่าโชคดีมาตั้งแต่เกิดจนวัยหนุ่ม โดยได้รับพระกรุณาชูชุบอุปถัมภ์ให้เป็นราชบุตรบุญธรรม มีราชสมบัติอยู่แค่เอื้อม แต่เป็นคนซื่อไม่รอบรู้เท่าทันกลเกมแห่งอำนาจ โชคชะตาจึงพลิกผันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ ต้องจบชีวิตโดยถูกฆ่าอย่างน่าอนาถ แม้จะอยู่ใกล้ๆ กับทูลกระหม่อมแก้วผู้ยิ่งใหญ่ เป็นเจ้าชีวิตก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ เขาเป็นเหยื่อรัฐประหาร วันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๒๓๑ เป็นรายแรก

ภาพ : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 9 ตุลาคม 2557

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 8 ต.ค. 2557 ทางกรมศิลปากรได้ขุดพบโครงกระดูกอายุกว่า 300 ปี อยู่ใกล้กับหอดูดาว วัดสันเปาโล จ.ลพบุรี คาดเป็นโครงกระดูกของ “พระปีย์” โอรสพระนารายณ์ ที่ถูกผลักจากที่สูง โดยมีกระดูกหน้าแข้งหัก มีความสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Ch3Thailand,@kengtachaya,@โบราณนานมา