เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่​ บช.สอท. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์, พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร, พล.ต.ต.มนเทียร พันธ์อิ่ม รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สอท.2 ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม น.ส.ธิดาวรรณ หรือ ธัญญ์นภัส บุญกล้า ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดนนทบุรี ในความผิดฐาน “กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน” และนายอัครินทร์ ภิญโญกาญจนพัฒน์ พร้อมด้วย ของกลางอาวุธปืน 1 กระบอกและเครื่องกระสุนปืนอีกส่วนหนึ่ง ในความผิดฐาน “มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยจับกุมได้ ภายในบ้านพักใน อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณี มีเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี เรียนอยู่ชั้น ม.6 ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองภายในห้างสรรพสินค้า จ.นนทบุรี เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยจากการสอบสวนทราบว่ามูลเหตุที่ตัดสินใจก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินมาทดแทนเงินที่ถูกหลอกไปจากการที่ไปลงทุนออนไลน์ ซึ่งเยาวชนคนดังกล่าว ได้นำเงินประกันจำนวน 50,000 บาท ซึ่งเป็นมรดกของบิดาที่เสียชีวิต มาลงทุนทางออนไลน์ โดยการแชร์ออมเงิน ที่มีการเชิญชวนผ่านแอพพลิเคชั่นอินสตาแกรมและรวมกลุ่มลงทุนผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งมีกลอุบาย “…แค่ฝากเงิน ไม่ต้องลงทุนทำอะไรไม่มีความเสี่ยง ยิ่งออมมาก ยิ่งได้ดอกเบี้ย หรือผลตอบแทนมาก ด้วยอัตราดอกเบี้ยประมาณ 20% ต่อวัน…” ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ นำเงินไปลงทุน เพราะหวังผลตอบแทนในอัตราสูง กระทั่งถูกกลุ่มผู้ต้องหาหลอกลวงในเวลาต่อมา

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ บช.สอท.ทำการสืบสวนหาผู้กระทำความผิดเนื่องจากเป็นแรงจูงใจสำคัญ ให้ผู้เสียหายไปก่อชิงทรัพย์ เพื่อจะหาเงินมาทดแทนเงินที่ถูกหลอกไป ซึ่งจากการตรวจสอบพบ มีกลุ่มแชร์ออมเงิน ที่เกี่ยวข้อง จำนวน 2 กลุ่ม ประกอบไปด้วยกลุ่ม IG “suchata” ซึ่งเข้าร่วมลงทุนผ่านกลุ่มไลน์ Open Chat โดยได้รับผลตอบแทนลงทุน จำนวน 6,400 บาท ขาดทุน 43,600 บาท และกลุ่มแชร์ “AOMNGERNBYAOMSIN” ลงทุนไป 7,000 บาท ชื่อบัญชีที่โอนเงินลงทุน 1 บัญชี คือ น.ส.ธิดาวรรณ หรือ ธัญญ์นภัส บุญกล้า ยังไม่เคยได้รับผลตอบแทน เช่นนั้นชุดสืบสวนจึงรวบรวมหลักฐาน

ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี เพื่อขอหมายจับ น.ส.ธิดาวรรณ หรือ ธัญญ์นภัส บุญกล้า ทันที โดยสืบทราบว่ามากบดานกับสามีที่​ จ.อุทัยธานี ซึ่งระหว่างจับกุมตรวจค้นพบอาวุธปืนซึ่งเป็นของสามี​ น.ส.ธิดาวรรณ อยู่ในบ้านจึงดำเนินการแจ้งข้อหาทั้งสอง ก่อนนำส่ง​ พงส.สอท.3 กก.2 ดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบสวน​ น.ส.ธิดาวรรณ ให้การรับสารภาพ ได้ก่อเหตุตั้งวงออมเงินจริง โดยเปิดมาแล้ว 2 วง มีสมาชิกประมาณ​ 40-50 คนเข้าร่วม ยอดเงินประมาณ 3-4 แสนบาท โดยเงินที่ได้มาจากการหลอกลงทุนก็จะนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่ทราบว่าก่อนว่าการที่ตนไปหลอกครั้งนี้จะทำให้เยาวชนรายดังกล่าวไปก่อเหตุ ทั้งนี้ตนรู้สึกผิดและไม่รู้จะขอโทษอย่างไรจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ที่ผ่านมาถูกดำเนินคดีไป 3-4 ท้องที่ และพยายามที่จะเคลียร์เงินเพื่อชดใช้ ทั้งนี้ในวงแชร์ที่มีเยาวชนรายดังกล่าวเข้าร่วม ก็มีการติดต่อเพื่อขอเงินคืน ซึ่งตนก็พยายามทยอยจ่าย แต่เยาวชนรายดังกล่าวไม่ได้มาติดต่อมา รู้อีกทีก็เป็นข่าวแล้วว่าสาเหตุมาจากเล่นแชร์วงของตน

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติพบว่า​ น.ส.ธิดาวรรณ มีการเปลี่ยนชื่อมาแล้ว หลายครั้งโดยวันที่ 19 มิ.ย. 2563 เปลี่ยนชื่อจาก ธิดาวรรณ เป็น ธัญญ์นภัส และเปลี่ยนนามสกุลเป็น ภิญโญกาญจนพัฒน์ และวันที่ 22 ก.ย. 2563 เปลี่ยนนามสกุลจาก ภิญโญกาญจนพัฒน์ เป็น บุญกล้า.