จากกรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. สนธิกำลังร่วมกับ พ.ต.อ.เอกสิทธิ์ ปานสีทา ผกก.4.บก.ป. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. และ ป.ป.ช. ซ้อนแผนนำกำลังเจ้าหน้าที่และชุดปฏิบัติการพิเศษ “หนุมาน กองปราบ” ลุยตรวจค้น 8 จุด ใน จ.อุทัยธานี เพื่อกวาดล้างจับกุมขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการทำโครงการก่อสร้างระบบประปา ในพื้นที่ ต.ตลุกดู่ อ.ทัพทัน และ ต.หาดทนง อ.เมือง จ.อุทัยธานี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหาย หนึ่งในนั้นมีนายกเทศบาลตลุกดู่ ซึ่งเป็นลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย รวมอยู่ด้วยตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

‘จรูญเกียรติ’ ลั่นจับ ‘ลูกเขยชาดา’ แค่สึนามิ รอดู อาฟเตอร์ช็อก เขย่าหนักอีกรอบ

วันนี้ทีมข่าวเดลินิวส์ จะพามาทำความรู้จัก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. หรือ ผู้การเต่า มือปราบและยอดนักสืบผู้ไม่เกรงกลัวอิทธิพล ผู้ผ่านคดีซ้อนแผนจับข้าราชการระดับสูงทุจริตเรียกรับสินบนมาอย่างโชกโชน ที่สำคัญยังหาญกล้าซ้อนแผนจับ นายวีระขาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่ ลูกเขยของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหอกหลักปราบปรามผู้มีอิทธิพล

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ชื่อเล่นเต่า เกิดวันที่ 26 พ.ย. 2511 อายุ 55 ปี ชาว จ.สุพรรณบุรี จบการศึกษา โรงเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 29 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 45 เริ่มรับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน กองร้อย ตชด.144 จ.เพชรบุรี ผ่านตำแหน่ง หัวหน้าชุดยาเสพติด ตชด.ภาค 1 จากนั้นเป็น ผู้กองสังกัดกองบังคับการปราบปราม มีผลงานสืบสวนสอบสวนในหลายคดีสำคัญ ขึ้นเป็น สารวัตรสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 โยกเป็น สารวัตรปราบปราม สภ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขยับขึ้น รอง ผกก.สภ.เมืองนครราชสีมา แล้วขยับเข้ากรุงอีกครั้ง เป็น ผกก.สืบสวนสอบสวนนครบาล 2 และโยกเป็น ผกก.4 บก.ป. ขยับเป็น รอง ผบก.ป. ก่อนจะย้ายไปเป็นรอง ผบก.ทล. จากนั้นขึ้นติดยศ พล.ต.ต. ในตำแหน่ง ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)

โชว์ผลงานมากมาย เดินหน้าตรวจสอบจับกุมข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการทุจริตในหลายคดีดัง อาทิ จับกุมอดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช , จับกุมเจ้าหน้าที่สำนักงานเขตราชเทวี กทม. เรียกรับสินบนผู้ประกอบการเพื่อเลี่ยงจ่ายภาษี , จับกุมนายกเทศมนตรีบางแก้ว จ.สมุทรปราการ เรียกเปอร์เซ็นต์ เป็นสินบนอนุมัติโครงการติดตั้งจอแอลอีดี

ที่สำคัญยังมีคดีสำคัญในมืออีก 2 คดี คือ คลี่คลายประเด็นร้อนส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุกที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ร้องเรียน และ คลี่คลายปัญหาข้อพิพาทวัดบางคลาน จ.พิจิตร

อย่างไรก็ตามภายหลังปรากฏข่าว นำทีมบุกจับ นายวีระขาติ รัศมี นายกเทศบาลตลุกดู่ จ.อุทัยธานี ลูกเขยของ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหอกหลักปราบปรามผู้มีอิทธิพล นั้น เมื่อย้อนดูประวัติของมือปราบผู้ตงฉินรายนี้ พบว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค.60 พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว สมัยดำรงตำแหน่ง ผกก. 4 บก.ป. โชว์ผลงานนำตำรวจ กก.4 บก.ป. เจ้าหน้าที่ กก.1 บก.ทล. และ ส.รฟ.นครสวรรค์ สืบทราบว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต สส.อุทัยธานี ขณะนั้น จะมาร่วมงานศพ ที่วัดหลุมเข้า ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี

จึงวางแผนทำตรวจค้น บนทางหลวงหมายเลข 3183 กระทั่งพบว่า นายชาดา กับพวก ใช้รถ 8 คันเป็นยานพาหนะมาร่วมงานเมื่อกลับออกจากงาน ตำรวจทางหลวงที่ตั้งจุดสกัดทางทิศเหนือ จึงได้เรียกให้หยุดเพื่อทำการตรวจค้น สามารถสกัดรถได้ 7 คัน หลบหนีจากจุดสกัดสวนไปทางทิศใต้ 1 คัน แต่สามารถติดตามจับกุมจนได้

เป็นรถตู้โตโยต้า เวลไฟร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน 4กค 5012 กทม. ซึ่งหลบหนีจากจุดตรวจค้น โดยตามไปสกัดจับได้ที่ซอยวัดศิริวัฒนาราม (หนองกาหลง) ต.หลุมเข้า อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี ห่างจากจุดสกัดประมาณ 5 กม. และ เป็นคันที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ เป็นผู้โดยสารมาในรถ ผลการตรวจค้นพบ อาวุธปืนซิกซาวเออร์ พี 238 ขนาด .380 ซองกระสุน 1 อัน กระสุนขนาด .380 จำนวน 6 นัด กระสุนอยู่ในรังเพลิงพร้อมใช้ เหน็บอยู่ที่เอวด้านหน้าขวามือของลถกน้องนายชาดาผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว

อาวุธปืนซิกซาวเออร์ รุ่นพี 228 ขนาด 9 มม. พร้อมแมกกาซีน 1 อัน กระสุนขนาด 9 มม.13 นัด อยู่ในรังเพลิงพร้อมใช้ อยู่คอนโซลกลางระหว่างคนขับและคนนั่งตอนหน้า ซึ่งลูกน้องซึ่งนั่งอยู่ตอนหน้าด้านซ้ายมือของคนขับรับว่าเป็นอาวุธปืนของตนเอง อาวุธปืนเอสทีไอ ขนาด 11 มม. ซองบรรจุกระสุนปืนขนาด 11 มม. พร้อมกระสุนปืน 7 นัด ในรังเพลิง 1 นัดรวม 8 นัด อยู่ใต้คอนโซลฝั่งหน้าด้าน ซ้ายมือของคนขับ และของกลางอีกหลายรายการ ก่อนส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในครั้งนั้น พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก.(สมัยนั้น) เคยระบุว่า เป็นการตรวจค้นตามนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างเพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่เยาวชนด้วย.