สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 27 ต.ค. ว่า สภาผู้ปกครองแห่งมาเลเซีย ซึ่งประกอบด้วยสุลต่านจาก 9 รัฐ ทรงมีมติเห็นชอบ หลังการประชุมที่พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ทรงเลือก สุลต่าน อิบราฮิม สุลต่าน อิสกันดาร์ แห่งรัฐยะโฮร์ ให้ทรงเตรียมเสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ที่ 17 แห่งมาเลเซีย


อนึ่ง นับเป็นครั้งแรกในรอบ 39 ปี ซึ่งสุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์จะทรงเป็นประมุขแห่งมาเลเซีย หรือนับตั้งแต่ปี 2527 ที่สุลต่าน อิสกันดาร์ พระราชบิดาของสุลต่าน อิบราฮิม ทรงได้รับการเลือกจากที่ประชุมสภาผู้ปกครอง ให้ทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระราชาธิบดีพระองค์ที่ 8

จากซ้ายไปขวา : สุลต่านแห่งรัฐเปรัก สุลต่านแห่งรัฐเนกรีเซมบีลัน สุลต่านแห่งรัฐตรังกานู สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุลเลาะห์ สุลต่าน อาห์หมัด ชาห์ จากรัฐปะหัง สุลต่านแห่งรัฐสลังงอร์ สุลต่านแห่งรัฐยะโฮร์ และสุลต่านแห่งรัฐเกดะห์ ทรงฉายพระรูปร่วมกัน ที่พระบรมมหาราชวัง ในกรุงกัวลาลัมเปอร์


ทั้งนี้ ตำแหน่งประมุขแห่งมาเลเซียจะเป็นการครองราชย์หมุนเวียนกัน ระหว่างสุลต่านทั้ง 9 รัฐ ซึ่งแต่ละพระองค์จะทรงดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี โดยสุลต่าน อิบราฮิม จะเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ต่อจากสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่าน อับดุลเลาะห์ สุลต่าน อาห์หมัด ชาห์ จากรัฐปะหัง ในวันที่ 31 ม.ค. 2567 ส่วนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก จะเกิดขึ้นในอีก 7 เดือนหลังจากนั้น


ปัจจุบัน มาเลเซียอยู่ภายใต้การปกครองแบบสหพันธรัฐ มีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุข อย่างไรก็ตาม ระบอบกษัตริย์ของมาเลเซียมีเอกลักษณ์เฉพาะ นอกจากนี้ แม้อำนาจบริหารทั้งหมดอยู่ในมือของนายกรัฐมนตรี ซึ่งตอนนี้คือนายอันวาร์ อิบราฮิม แต่สมเด็จพระราชาธิบดีทรงมีพระราชอำนาจในการพระราชทานอภัยโทษ และในระยะหลัง พระองค์ทรงลงไปคลี่คลายวิกฤติการเมืองในประเทศหลายต่อหลายครั้ง.

เครดิตภาพ : AFP