ไม่พูดถึงไม่ได้เลยจริงๆสำหรับภาพยนตร์ที่ปลุกกระแสให้วงการภาพยนตร์ไทยเป็นที่ฮือฮาที่สุดนาทีนี้อย่าง “สัปเหร่อ” ที่ความสำเร็จของหนังก้าวไปไกลกว่า 600 ล้านบาทแล้ว งานนี้รายการดังทางยูทูบ Dailynews LIVE-TH อย่างรายการ Daily POP ได้คว้าตัว “โต้ง-สิริพงศ์” ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สัปเหร่อ ผู้ช่วย รมว.ศึกษาธิการ และอดีต สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย มาพูดคุยถึงปมการสนับสนุนหนังของจักรวาลไทบ้าน เดอะซีรีส์ จนมาถึง “สัปเหร่อ” ภาพยนตร์สุดปังของไทยตอนนี้ พร้อมเปิดสัดส่วนรายได้ของหนังว่าใครเป็นผู้ได้เงินในส่วนนี้บ้าง

โต้ง เผยว่า “จริงๆผมไม่ได้มีอาชีพเกี่ยวกับบันเทิง เพียงแต่ว่าไทบ้านเหมือนจับผลัดจับผลู มันบังเอิญเพราะว่าได้ช่วยเด็กๆเขามาตั้งแต่ไทบ้านเดอะซีรีส์ภาค 1 อยู่กับทีมเขามาตั้งแต่เริ่มต้นเลย แต่มีที่ไทบ้าน x BNK48 ตั้งแต่นั้นจะเป็นการลงหุ้นทำหนัง ก็จะมีไทบ้านและบีเอ็นเค มีสหมงคลฟิล์มด้วย แต่รายได้ไม่ดี และมีโควิดในส่วนของผมลงทุนไปน้องๆเลยบอกให้บริษัทของไทบ้านหมุนก่อนนะ คือก่อนหน้านี้ลงมาให้เขาตลอดครับ ซึ่งหลังจากบีเอ็นเคก็มีหมอปลาวาฬ มีอีกสามอัน และมาถึงสัปเหร่อ บริษัทมีหนี้สินเยอะ เขาก็เลยใช้วิธีขายหุ้น ก็จะมีโรงหนังที่มาหุ้นด้วยในการลงทุนเรื่องสัปเหร่อ จะเป็นบริษัทน้องๆเขาส่วนหนึ่งและมีโรงหนังด้วย เลยไม่ได้ใช้ทุนผมแล้ว แต่บวงสรวง ดูฤกษ์ฉายอะไรต่างๆ จะเป็นผมอยู่ ที่น้องเขามาคุยด้วยทุกครั้ง ให้ช่วยตัดสินใจด้วยทุกครั้ง”

“ในจักรวาลไทบ้านมีหนังกับเพลง รายได้มาจากเพลง คอนเสิร์ตและอีเวนต์ ส่วนหนังเป็นอีกเส้นเรื่องหนึ่ง ถ้าหนังฉายในโรงขาดทุนด้วยความเราเป็นหนังทุนต่ำ เราไม่ได้ขาดทุนทั้งระบบ เพราะสุดท้ายเวลาขายให้ช่อง อาจจะได้กำหนดนิดหน่อย ฉายในโรงไม่ได้เยอะ พอเป็นช่องเลยได้นิดหน่อยมาหล่อเลี้ยงบริษัทครับ ส่วนสัปเหร่อการลงทุนเป็นเรื่องของไทบ้านและโรงหนังครับ บริษัทยืมเงินผม ณ วันที่ทำหนังเรื่องนี้บริษัทเงินไม่พอ เลยไปขายหุ้นให้โรงหนัง เขาเลยซื้อหุ้นและทำไปด้วยกัน ผมไม่ได้ไปซัพพอร์ตเขาตรงๆ ด้วยอาชีพผมเป็นนักการเมืองจะไปมีหุ้นตรงๆไม่ได้ แต่เป็นแบบเขามีปัญหา ไม่มีเงินเฮียดูนี่ให้หน่อยต่างๆ”

โต้ง เผยว่า “ส่วนต้องเต ธิติ ผมเจอเขาตอนทำไทบ้าน 2.1 เขาเป็นทีมผู้ช่วยผู้กำกับ และภาคนี้มีปัญหาเยอะและได้คุยกับเขาและมองว่าเขาเป็นคนใช้ได้ บุคลิกเขาเป็นแบบนี้นะ แต่เป็นหนึ่งในไม่กี่คนในบริษัทที่คุยกันรู้เรื่อง ต้องเตกดดันมากและเขาบอกว่าจะทำให้ได้ อยากทำและทำให้มันกำไรให้ได้ แล้วพอคุยกัน ผมชอบต้องเตอยู่แล้ว เพราะเขาคุยกันรู้เรื่อง ส่วนอีกคนไปอีกสเต็ปไป พอเจอต้องเตก็แฮปปี้และเขาก็ทำได้ดีมาก ถามว่าเสียดายไหมที่ไม่ได้ซัพพอร์ตสัปเหร่อ เพราะรายได้เยอะ ไม่เสียดายเลยเพราะเป็นเงินเขา ก็คือยังแซวกันเลยว่ามีเงินใช้หนี้ก็ดีแล้ว (ยิ้ม) ส่วนเรื่องรายได้ต้องบอกก่อนว่าปกติเวลาหนังฉายในโรงภาพยนตร์จะมีหลายแบบ บางภาคเขาจะซื้อหนังขาด โรงหนังขายได้เท่าไหร่ไม่เกี่ยวกับเราแล้ว กรุงเทพและอีสานแชร์กัน ส่วนใหญ่จะ 50 : 50 ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมุติขายได้ 500 ล้าน ก็คนละ 250 ล้าน มีเรื่องการเสียภาษีด้วย ซึ่งตัวเลขมันตรงไปตรงมาเลี่ยงไม่ได้หรอก และได้เงินเยอะภาษีเยอะแน่นอนเพราะเราทำหนังทุนต่ำ”

“ส่วนรายได้ของสัปเหร่อ คือบริษัทได้ 55 และโรงหนัง 45 ซึ่งมีการแบ่งผู้กำกับและนักแสดงจริงๆ เขาได้รับค่าตอบแทนตั้งแต่ตอนแรกแล้ว ถ้าหนังกำไรก็มีส่วนแบ่งให้เขา สมมุติจบที่ 500 ล้าน หักไปมาก็เหลือเกือบๆ 200 ล้าน แล้วเราก็ดูสัดส่วนว่าจะแบ่งให้เขายังไงกัน พอแบ่งเสร็จ ก็มาปันให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ และเข้าบริษัทและก็มาดูว่าเหลือเงินเก็บไว้ทำหนังต่อไปเท่าไหร่ สุดท้ายส่วนแบ่งออกมา มันอาจจะไม่ได้เหลือเยอะแบบที่คิดก็ได้ แต่ผมไม่เสียดายเลยที่ไม่ได้ลงทุนให้ภาคนี้ครับ”

โต้ง เล่าต่อว่า “เรื่องการที่คนมองเป็นอดีต สส.และเป็นคนใกล้ชิดรัฐบาลจะดันสัปเหร่อไปถึง Soft Power ยังไง คือต้องเรียนก่อนว่าไม่ใช่แค่สัปเหร่อ ผมเป็นประเภทหน้าบาง ไทบ้านไม่เคยได้รับเงินจากรัฐบาลเลยนะครับ คือเราคิดว่าถ้าเรามาขอเงินให้พรรคพวกเรา มันก็ดูไม่ดี และด้วยความที่เงื่อนไขของการสนับสนุนของรัฐที่ผ่านมา มันไม่เอื้อด้วย ผมก็ให้คำแนะนำกับคณะกรรมการ Soft Power ไปด้วยว่าไม่ควรไปกำหนดว่าหนังควรเป็นแบบไหน ควรให้เขาครีเอทเองมากกว่า”

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก รายการ Daily POP