ฮอตที่สุดในนาทีนี้ หนีไม่พ้นภาพยนตร์ไทยเลือดอีสาน “สัปเหร่อ” หนึ่งในหนัง “จักรวาลไทบ้าน ” ที่ตอนนี้ทำรายได้ถล่มทลาย กวาด 700 ล้านบาทไปแล้ว แถมเพลงประกอบภาพยนตร์ อย่าง “ยื้อ” ก็ได้ยังได้รับความนิยมไม่แพ้กัน โดยตัว MV โกยยอดวิวส์ไป 31 ล้านวิวส์แล้ว หลังปล่อยเพียงแค่ 2 สัปดาห์ แถมยังครอง เพลงมาแรง #1ในยูทูบแบบต่อเนื่อง

ล่าสุด โต๋-ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร ศิปลิน-นักเปียโนมากพรสวรรค์ เลยไม่รอช้า ชวน อาจารย์ปรีชา ปัดภัย หรือ ติ๊ก ศิลปินและนักแต่งเพลงคุณภาพจากแดนอีสาน ซึ่งทั้งร้องและเขียนเนื้อเพลง “ยื้อ” มาร่วมรายการ “Piano & i Special Episode” พร้อมร้องเพลงนี้ในเวอร์ชั่นเปียโน ที่มี โต๋ บรรเลงให้ บอกเลยว่าซึ้งจับใจ ไม่แพ้ต้นฉบับ ยิ่งขยี้ความรู้สึกของการจากลาจนน้ำตาไหล นอกจากนี้ ต้องเต-ธิติ ศรีนวล ผู้กำกับคนดัง ยังได้มาพูดคุยในรายการ และไม่พลาดโชว์เสียงร้องเพราะ ๆ พร้อมเปียโนด้วย!

ปรีชา เผยว่า “ผมติดตาม ‘PIANO & i’ มาหลายเทป ผมชอบฟีล เปียโนเป็นอะไรที่ทรงพลังมาก ๆ สามารถดึงทุกอย่าง ดึงเราได้หมดเลย ผมเลยถือกีต้าร์แค่เท่ ๆ และดีดเบา ๆ ไป ให้ทางเปียโนเป็นคนควบคุม” ซึ่ง โต๋ ก็บอกต่อว่า ตั้งใจทำ Piano & i เพราะพอได้ฟังเพลงกับเปียโน ก็ทำให้นักร้องได้อยู่กับเพลงได้มากขึ้น พร้อมบอกว่าเวลาที่ร้องเพลงนี้ทุกครั้ง ก็สังเกตุเห็นว่า อาจารย์ปรีชา เหมือนมีอะไรอยู่ข้างใน ที่มันเต็มอยู่ในใจ


ซึ่ง ปรีชา ได้ตอบว่า “ใช่ครับ แต่เราปล่อยตัวเองลงไปในเพลงเยอะมากไม่ได้ มันจะเกินควบคุม ยิ่งเสียงเปียโนมันเร้ามาก ๆ เราก็ต้องถอยออกมา เพราะมีหลายครั้งมากที่ขึ้นคอนเสิร์ต ไปได้ครึ่งเพลงแล้วร้องไห้เป็นเด็กเลยครับ (ยิ้ม)” ก่อนจะเล่าต่อถึงเพลง “ยื้อ” ที่ถูกแต่งไว้แล้ว เมื่อ 7 ปีก่อนว่า “คือชื่อหนัง ‘สัปเหร่อ’ ถูกวางไว้ในส่วนหนึ่งของหนังจักรวาลไทบ้าน ผมก็เลยได้รับโจทย์มาว่าให้เขียนเพลงเกี่ยวกับการลาจากของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นการจากด้วยการตาย หรือจากด้วยอะไรที่คนเราต้องมาประสบพบเจอ เรากลัวการที่จะต้องเสียเขาไป หรือกลัวที่จะต้องอยู่คนเดียวมากที่สุด มันพยายามจะตกผลึกเรื่องราวพวกนี้ให้ได้ จนวันนึง ผมดูหนังแม่นาคพระโขนง (นางนาก) ที่พี่ทราย เจริญปุระและพี่วินัย ไกรบุตร แสดงในตอนนั้น มันเป็นซีนที่หลวงพ่อโตท่านเรียกพ่อมากไปร่ำลาลูกเมียเป็นครั้งสุดท้ายตอนที่อยู่ในหลุมศพ ตอนนั้นความรู้สึกของเราคือขนาดพ่อมากเป็นคนกลัวผี ทุกคนกลัวผี แต่ก็สลัดความกลัวแล้วไปนั่งตรงหน้าลูกเมียร่ำไห้ ร่ำลากัน ความรู้สึกตรงนั้นมันก็แว่บเข้ามาในหัวเลย คือเราเอาตัวเองไปนั่งอยู่ตรงนั้น แล้วคิดเลยว่าถ้าเป็นเราล่ะ เราจะเสียใจขนาดไหน ในซีนนั้นมันจะมีเสียงปี่แว่บ ๆ เลยคุยกับทีมงานว่าผมขอเอาปี่มาใส่ในเพลงด้วยได้มั้ย เพื่อทำความรู้สึกนั้นมันยังอยู่กับผม มันเป็นความเข้าใจมาก ๆ เลยกับความรู้สึกแบบนั้น และเราก็คิดว่าทุกคนเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ รวมถึงผมด้วยเหมือนกัน ก็เป็นส่วนนึงที่เอาทุกอย่างมาเขียนเป็นเพลงนี้ครับ ”

สำหรับ “สัปเหร่อ” นั้น ต้องเต ได้โชว์ความสามารถทั้งเขียนบทคนเดียว และขึ้นแท่นผู้กำกับเดี่ยวเต็มตัวเป็นครั้งแรก ซึ่งเจ้าตัวเผยแบบติดตลก โดยไม่กั๊กว่า “จักรวาลไทบ้าน” นั้น เขาได้ก็อปไอเดียการทำหนังเป็นจักรวาลเชื่อมถึงกันมาจาก “จักวาลมาร์เวล” นั่นเอง


นอกจากนี้ผู้กำกับคนดัง ได้เผยอีกว่า เผยว่า “ส่วนที่เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ นั้นพูดถึงการลาจาก เพราะเขาบอกว่าถ้าเราจะเขียนบท ต้องเขียนเรื่องที่ใกล้ตัวที่สุด ก็น่าจะความตายแหละ ที่น่าจะใกล้ตัวเรามากที่สุดครับ ซึ่งเรื่องนี้ผมทำสกอร์อีสานเองด้วย เพราะว่าตอนแรกงบน้อย (ยิ้ม) จ้างอาจารย์เก่ง ๆ ไม่ได้ เราเลยโทรฯ ฟีลหลอกเด็กนักศึกษามาช่วยเล่นดนตรีให้หน่อย เพราะผมเองก็ไม่มีทฤษฏีเกี่ยวกับดนตรี แค่อยากได้อารมณ์นี้ อย่างซีนที่พ่อ ( สัปเหร่อศักดิ์) พูดกับลูก ( เจิด) ที่มีไดอาล็อกว่า ‘บ่จากมื้อนี่ มื้อหน้ากะจากกันคือเก่า’ ซึ่งในหนังมีประโยคดังกล่าว แต่ไม่มีซีนนี้ เป็นเพราะว่ามันดิ่งครับ เรารู้สึกว่าตัดอยู่กับมันเป็นเดือน เรายังรู้สึกว่าดูครั้งไหน มันก็ดิ่ง คนที่มีการสูญเสียอยู่แล้ว มีประสบการณ์ชีวิตอยู่กับเรื่องนี้ คนเป็นโรคซึมเศร้า ก็กลัวเขามูฟออนไม่ได้ เลยเอาออดีกว่า จริง ๆ ทุกประโยคที่เกี่ยวกับงานศพ ที่เป็นกลอน คนจะไม่กล่าวถึง เพราะมีคอเมดี้ครอบอยู่ แต่จริง ๆ มันเป็นสารสำคัญมาก ตลกร้ายมากครับ”





นอกจากนี้ในรายการ ต้องเต ยังเท้าความสมัยเป็นเดือนมหาวิทยาลัย และพูดถึงการขึ้นเวทีเล่นโชว์ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน อย่าง ด้งเด้ง – ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร (รับบท จ่าลอด) และ ตาต้าร์ – ชาติชาย ชินศรี (รับบท เซียง) ในฐานะวง “DDT” ด้วย ก่อนที่ ต้องเต จะโชว์ร้องเพลง “ยินดีที่ได้รู้จัก ” ของตัวเอง โดยมี โต๋ เล่นเปียให้แบบเต็ม ๆ เป็นครั้งแรก เรียกว่าไพเราะจับใจสุด ๆ

จากนั้น ปรีชา ยังได้ทิ้งท้ายขับร้องเพลง “กอดเสาเถียง” ซึ่งเป็นเพลงสำคัญของจักวาลไทบ้าน และตอนนี้ยอดวิว MV เกือบ 400 ล้านวิวส์แล้ว โดยแรงบันดาลใจของเนื้อเพลงมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน อีกทั้ง MV เพลงนี้ยังเป็นการปูทางเข้าเรื่อง “สัปเหร่อ” ด้วย