สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากเมืองท้ายเหวียน ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ว่า เวียดนามฆ่าสุนัขเอาเนื้อประมาณ 5 ล้านตัวต่อปี ซึ่งสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากจีน โดยบางคนเชื่อว่า การรับประทานเนื้อสุนัขสามารถช่วยปัดเป่าโชคร้าย และมันเป็นอาหารอันโอชะ ทว่าทัศนคติที่มีต่อพฤติกรรมดังกล่าวค่อย ๆ เปลี่ยนไป โดยเฉพาะตามเมืองต่าง ๆ เนื่องจากพวกมันถูกเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ

นายเกียว เวียต หุ่ง เจ้าของโรงฆ่าสุนัขในเมืองท้ายเหวียน ทางตอนเหนือของกรุงฮานอย และผู้ค้าขายเนื้อสุนัขมานาน 7 ปี ส่งมอบสุนัข 44 ตัว ให้กับสถานสงเคราะห์ ซึ่งจะรับดูแลสัตว์เหล่านี้ และพยายามหาบ้านใหม่ให้พวกมันต่อไป

ตลอดช่วง 7 ปีที่ผ่านมา หุ่งฆ่าสุนัขไปแล้วมากถึง 20,000 ตัว โดยเขาได้รับสุนัขส่วนใหญ่จากครอบครัวในชนบท ซึ่งเพาะพันธุ์ลูกสุนัขที่บ้านเพื่อหารายได้เสริม

ด้าน “ฮิวเมน โซไซตี อินเตอร์เนชั่นแนล” (เอชเอสไอ) ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรการกุศลที่ทำงานเพื่อหยุดยั้งการค้าเนื้อสุนัขในเวียดนาม ระบุว่า ผู้ค้าสุนัขจะส่งลูกสุนัขราว 50 ตัว ในทุก 1-2 เดือน ไปยังโรงฆ่าสัตว์ของหุ่ง จากนั้นพวกมันจะถูกขังในกรงสกปรก, ขุนให้อ้วนในเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน และลงมือฆ่าพวกมัน

นอกจากนี้ เอชเอสไอยังระบุเสริมว่า สุนัขส่วนใหญ่ที่ถูกฆ่าในเวียดนาม เป็นสัตว์เลี้ยงที่ถูกขโมย หรือสุนัขจรจัดตามท้องถนนที่ถูกวางยาพิษ ถูกยิงด้วยปืนไฟฟ้า หรือถูกนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา

“แม้พวกเราจะเห็นว่ารัฐบาลใช้มาตรการบางอย่าง รวมถึงการเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่ขโมยสัตว์เลี้ยง แต่เรายังคงทราบว่า มันมีปัญหาใหญ่จากการไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง” นางโลลา เว็บเบอร์ จากเอชเอสไอ กล่าวทิ้งท้าย.

เครดิตภาพ : AFP