เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรับร้องเรียนจาก นายอนุพงษ์ หมื่นระย้า อายุ 33 ปี ชาว อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี พนักงานขับรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ บริษัทขนส่งแห่งหนึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ขอให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีถูกชายอ้างเป็นตำรวจในพื้นที่ จ.สงขลา ใช้อาวุธปืนข่มขู่ โดย นายอนุพงษ์ อ้างว่า ช่วงเย็นวานนี้ (18 ก.ย.) ขับรถบรรทุกพ่วงไปรับอาหารสัตว์ที่โรงงานใน ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มาส่งที่ จ.สุราษฎร์ธานี ขณะเดินทางกลับผ่านพื้นที่เขตรอยต่อ อ.บางกล่ำ จ.สงขลา ได้ขับแซงรถบรรทุกสิบล้ออีกคันที่วิ่งอยู่ในเลนซ้าย และสังเกตเห็นว่ามีรถโตโยต้า คัมรี สีขาว ทะเบียนสงขลา ขับตามหลังมา ซึ่งจังหวะที่แซงรถบรรทุกสิบล้อเป็นช่วงขึ้นเนินจึงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งกระทั่งแซงพ้น ซึ่งอาจทำให้รถโตโยต้าไม่พอใจ จากนั้นรถโตโยต้าได้เร่งเครื่องแซงขึ้นมาแล้วปาดหน้าให้หยุด เห็นท่าไม่ดีจึงหยิบโทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้

นายอนุพงษ์ เล่าอีกว่า พอจอดรถชายในรถคันดังกล่าวอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อนแสดงบัตรประจำตัวให้ดูในระยะไกลๆพร้อมใช้วาจาข่มขู่ ต่อว่า ขับรถเลนขวา ซึ่งก็พยายามอธิบายถึงสาเหตุแต่ก็ยังคงไม่พอใจกระทั่งมีการชักปืนออกมาข่มขู่อีก ตนเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยจึงขอให้ไปคุยกันที่โรงพักแต่ก็ไม่ยอมไป ก่อนขับรถออกไปจากนั้นก็พยายามขับรถลักษณะก่อกวนขวางถนนไปมาทำให้การจราจรรถติด ซึ่งตนบันทึกวิดีโอไว้ตลอดเส้นทาง พร้อมทั้งพยายามโทรศัพท์แจ้ง 191 กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. เดินทางมาถึงจุดตรวจด่านโควิด-19 ของ สภ.รัฐภูมิ จ.สงขลา จึงจอดรถขอความช่วยเหลือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ประจำด่านก็บอกว่าชายคนดังกล่าวเป็นตำรวจจริง และให้ไปแจ้งความที่ สภ.รัฐภูมิ แต่ตนไม่สะดวก เนื่องจากเป็นรถบรรทุกพ่วง พร้อมร้องขอให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านช่วยพาไปแจ้งความแต่ไม่ได้รับความร่วมมือ พร้อมทั้งไกล่เกลี่ยให้ไม่ติดใจเอาความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนปล่อยชายคนดังกล่าวไป และแนะนำให้เดินทางต่อ

นายอนุพงษ์ กล่าวอ้างด้วยว่า จากการสังเกตอาการชายคนดังกล่าว อยู่ในอาการมึนเมาอย่างเห็นได้ชัด พอกลับมาถึงก็คิดตลอดว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ถึงจะใช่ก็ยิ่งไม่สบายใจกับพฤติกรรมดังกล่าว จึงนำหลักฐานคลิปวิดีโอที่บันทึกไว้เข้าร้องสื่อให้ช่วยเป็นสื่อกลาง เพราะตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงหรือไม่ และขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจรัฐภูมิ ด้วยว่าถูกต้องและเป็นธรรมกับประชาชนหรือไม่ เพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นอันตรายต่อผู้ใช้รถใช้ถนนเป็นอย่างมาก