ดวงกำลังรุ่งพุ่งแรงแต่เมื่อ บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ เจอมรสุมชีวิตก็โดนแรงกระแทกอย่างแรงเช่นกัน ล่าสุดเขามาพูดคุยในรายการ Club Friday Show แบบจัดเต็มกับคำโกหกเรื่องหวยทิพย์เป็นเหตุทำให้พระเอกดาวรุ่ง บิ๊กเอ็ม ต้องเจอกับมรสุมลูกใหญ่ในชีวิตเหมือนตกนรกทั้งเป็น ครอบครัวเคยผ่านการล้มละลายมาก่อน เคยเหลือเงินแค่ 8 บาท ติดตามชีวิตต้องสู้ที่ไม่เคยเล่าที่ไหนมาก่อน พร้อมเผยตอนเด็กๆ บิ๊กเอ็ม เคยอ้วนจนโดนเพื่อนแกล้งและยังโดนตั้งกระทู้เว็บบอร์ดโรงเรียนโดนบูลลี่แรง ทั้งติดยาติดเอดส์ เป็นเรื่องที่เขาจำฝังใจมาจนถึงตอนนี้อีกด้วย

บิ๊กเอ็ม เผยว่า “เรื่องโกหกคนทั้งประเทศ เหมือนตกนรกทั้งเป็นเหมือนเป็นนักโทษเลย เหมือนเป็นผู้ต้องหาคนหนึ่ง ที่บอกเจ็บปวดมากเพราะตอนนั้นแม่ผมให้สัมภาษณ์ไปแล้วก็โดนด่าแม่ก็ตอแหล ลูกก็ตอแหล ถามว่าพอกันทีไหมกับวงการบันเทิง ผมแค่คิดว่าถ้าเราไม่ตื่น นอนหลับยาวไปเลยเรื่องมันจะจบหรือเปล่า ในอดีตเรื่องล้มละลาย ที่บ้านผมค่อนข้างจะมีฐานะเพราะว่ามีธุรกิจเยอะมันเป็นวิกฤติช่วงต้มยำกุ้งครับ ตอนนั้นล้มเลยจนเหลือศูนย์เลยขายบ้าน ขายรถไม่เหลืออะไรเลยต้องไปอยู่บ้านเช่าเล็กๆ บ้านเราจริงๆ วันนั้นเหลือเงินแค่ 8 บาท อย่างการถูกบูลลี่ก็เคยมีคือตอนนั้นผมอายุ 14 ครับก็คือหนักที่สุด 120 กิโลครับ เป็นเหมือนไจแอนท์ในการ์ตูนโดเรม่อนตอนนั้นใช้ชีวิตลำบากมันไม่มีความมั่นใจโดนปาของใส่ และจะมีเว็บบอร์ดโรงเรียนก็มีการตั้งกระทู้กันเกิดขึ้นใช่พี่บิ๊กเอ็มอ้วนๆหรือเปล่า เขาเปลี่ยนไปมาก เขาติดยาหรือเปล่าติดเอดส์มาหรือเปล่า”

“เรื่องรัก ผมเป็นคนคลั่งรักมาก ผมจะมีโน้ตผมก็จะจดไว้เลยว่าเริ่มคุยกันวันที่เท่าไหร่ รู้สึกวันที่เท่าไหร่ ดูหนังด้วยกันตั๋วบัตรเลขที่เท่าไหร่ ทะเลาะกันวันที่เท่าไหร่ แม้กระทั่งวันสำคัญผมให้ดอกไม้แค่ดอกเดียวแต่มันสำคัญตรงที่ว่าเป็นดอกกุหลาบที่ผมไปสั่งทำให้ยิงเลเซอร์เป็นชื่อของเขาบนกลีบกุหลาบ จากนั้นเราก็เริ่มมองความสัมพันธ์แบบ One Night Stand คือมันแค่รู้สึกว่าเราเหงาเราไม่สามารถอยู่ได้คนเดียวได้ทุกวัน ผมไม่เคยพูดที่ไหนเลย รักทางไกลคือคนนี้ผมไปเจอตอนที่ผมไปแสดงงานที่ต่างประเทศ ผมอยากที่จะสานต่อแล้วก็จริงจังเขาอยู่ไกลมากไม่ใช่คนไทยครับ (ยิ้ม) ด้วยระยะทางที่มันห่างก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน”