เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 โดยพิธีกร “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ได้สัมภาษณ์ แม่ของนายโจ ผู้เสียหายในคดีที่อ้างว่าถูกตำรวจอุ้มไปซ้อมจนบาดเจ็บสาหัสร่างกายพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยเหตุเกิดในพื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อ 7 ปีก่อน มีตำรวจสภ.หัวหินกลุ่มหนึ่งทำการจับกุม นายโจ (ขอสงวนชื่อ-สกุลจริง) ในข้อหาค้ายาเสพติด โดยไม่มีหมายจับหรือหมายค้น ระหว่างนั้นมีการพาตัวมาที่บ้านแม่ของผู้ต้องหา เพื่อขอเข้าค้น ก่อนจะพาตัวหายไป 2 ชม. ถึงได้โทรศัพท์มาแจ้งกับแม่ของนายโจ ว่าผู้ต้องหาขัดขืนพยายามหลบหนี ทำให้ตกรถบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดบริเวณตลาดแพไม้ใกล้ๆ บ้าน

ปรากฏว่า แม่ของนายโจ เกิดความสงสัยเป็นอย่างมาก เพราะลูกชายไม่มีรอยขีดข่วน หรือบาดแผลถลอกแต่อย่างใด อีกทั้งการนั่งไปในรถที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น มีตำรวจนั่งประกบอยู่ 2 ฝั่งที่เบาะหลัง ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้ ยิ่งตรงจุดเกิดเหตุมีผู้คนพลุกพล่านไปมาตลอด แต่กลับปรากฏว่า ไม่มีใครพบเห็นว่ามีการกระโดดลงมาจากรถจนบาดเจ็บ ทำให้แม่และญาติพี่น้องของนายโจไม่เชื่อคำให้การของเจ้าหน้าที่

ขณะที่แพทย์ระบุว่า ร่างกายของนายโจ บอบช้ำภายในหนักมาก โดยเฉพาะสมองที่เกิดอาการบวม 32 จุด ทำให้ตอนนั้นไม่สามารถพูดหรือให้การใด ๆ ว่าไปโดนอะไรมากันแน่ อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุ ปรากฏว่าฝ่ายตำรวจแจ้งกับแม่ของนายโจว่า จะไม่เอาเรื่องนายโจอีกแล้ว ขอยุติการสอบสวนทั้งหมด มีการมายกมือไหว้แล้วก็เดินทางกลับไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น….

ต่อมา แม่ของนายโจ ตัดสินใจดำเนินการฟ้องร้องให้ดำเนินคดีกับ นายตำรวจชุดจับกุมทั้ง 11 คน แต่ปรากฏว่าศาลยกฟ้อง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะเอาผิดได้ ขณะที่แม่ของนายโจ ต้องเสียเงินค่าทนายว่าความไปครั้งนั้นถึง 3 แสนบาท

ด้าน “หนุ่ม กรรชัย” สัมภาษณ์ว่า “โจ” คุณไปโดนอะไรมา โจทำท่าเหมือนถือไม้ และชี้ที่มือ พยายามพูดจาดอ้อแอ้โดยมีแม่กับน้องสาวแปลคำพูดว่า “…โดนไม่เบสบอลตีหัวมา ทั้งที่ใส่กุญแจมืออยู่ ทำให้ตอนนี้ต้องพิการตลอดชีวิต….” ทำให้พิธีกรหนุ่มเชื่อว่า โจนั้นพูดจารู้เรื่องและสามารถตอบโต้ ถามตอบได้แล้ว มีการทดสอบถามว่า “โจ…โอเคไหม และ โจ…มีลูกกี่คน” นายโจ ก็ชูนิ้วสัญลักษณ์โอเค และชู 2 นิ้วแปลว่ามีลูก 2 คน ให้เห็นอีกด้วย

ด้านแม่ของนายโจ กล่าวว่า ที่ออกมาร้องให้ทนายเดชาช่วย เพราะว่าครอบครัวตอนนี้ลำบากมาก อยากขอความเป็นธรรมกับนักกฎหมายให้ช่วยเหลือเรื่องคดี เพราะตนอายุมากแล้ว นายโจมีลูก 2 แต่ตนต้องเลี้ยงทั้งลูกและหลาน หากตนตายจากไปใครจะช่วยเหลือดูแลต่อ สำหรับวันที่ลูกถูกจับนั้น ตำรวจได้ไปล่อซื้อยาเสพติดจาก นายเค ก่อน จากนั้นก็โทรศัพท์มาหาลูกชายให้ไปหา ก่อนจะจับกุม แต่แทนที่จะไปค้นบ้านลูกชายกลับไม่ยอมไป มาหาแม่เพื่อขอค้นบ้านแม่แทน

แม่ของโจ ระบุด้วยว่า ภายหลังมีตำรวจที่รู้จักและสนิทกันอ้างว่า ทางชุดจับกุมคงต้องการเงินหรือเรียกรับเงินจากแม่ จึงพาลูกชายมาหา เผื่อจะมีการยอมจ่ายเงินขอให้ปล่อยตัว แต่ปรากฏว่าแม่ไม่ยอมจ่าย ทั้งยังให้คุมตัวไปโรงพักได้เลย ภายหลังจึงพานายโจไปซ้อมจนพิการดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ตำรวจที่ให้ความเห็นเรื่องนี้ล่าสุดได้เสียชีวิตจากการผูกคอตายไปแล้ว ยิ่งทำให้แม่และญาติพี่น้องเกิดความสงสัยหนักขึ้นไปอีก

ด้าน พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.หัวหิน กล่าวว่า แม้ตนจะเพิ่งมารับตำแหน่งที่ สภ.หัวหิน แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งให้มีการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว พร้อมจะให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย สำหรับคดีนี้เป็นการจับกุมผู้ค้ายาเสพติด มีการส่งฟ้องศาลพิจารณาคดีลงโทษไปแล้วซึ่งก็คือ นายเค (ถูกดำเนินคดีเพียงคนเดียว และออกจากคุกมาแล้ว) ขณะที่นายโจ งดสอบสวนชั่วคราว ซึ่งยังไม่ทรายเหตุผล ส่วนตำรวจชุดจับกุมทราบว่ามี 11 นาย ตอนนี้ยังอยู่ที่ สภ.หัวหิน เพียงแค่ 3 นายเท่านั้น

ด้านทนายเดชา กล่าวว่า ผู้เสียหายไปฟ้องตำรวจ ว่าร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น โดยไม่มีพยานระบุว่า ตำรวจกระทำผิดตามที่กล่าวอ้างอย่างไร พยานที่ไปเบิกความก็มีเพียง แพทย์และแม่ของ นายโจ เท่านั้น ทำให้ไม่รู้ว่าการกระทำของจำเลยว่ากระทำอย่างไรกันแน่ ซึ่งตามหลักการแล้ว หากเป็นเรื่องเดิมจะไปฟ้องใหม่ก็คงไม่ได้ เว้นแต่จะมีพยานหลักฐานใหม่ ซึ่งก็คือ ทางผู้เสียหายสามารถให้การได้ พูดจารู้เรื่องตอบคำถามได้ในภายหลัง แล้วมีการแจ้งข้อหาอะไรอื่น ๆ ซึ่งขณะนี้ได้มีการ้องเรียนกับทาง ป.ป.ท.ไว้แล้ว

“…การที่ตำรวจอ้างว่าประตูซ้ายเสียเลยไปนั่งด้านหน้า เพื่อดึงประตูไว้กลัวหลุด จังหวะนั้นนายโจเลยโดด ถามว่า ตำรวจที่นั่งข้าง ๆ ทำอะไรอยู่ เรื่องของกลางอีก หากผู้ต้องหามีความผิดก็ต้องยึดของกลางเช่นโทรศัพท์เอาไว้ แต่นี่กลับส่งคืนให้ทั้งหมด มันก็น่าแปลกเพราะจับแล้วปล่อย คดีนี้มีเรื่องน่าสงสัยหลายอย่าง ซึ่งก็ต้องดูว่าทางป.ป.ท.ดำเนินการไปถึงไหนแล้ว…” นายเดชา กล่าว.

สามารถติดตามชมคลิปรายการโหนกระแสได้ที่นี่…คลิก

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก รายการโหนกระแสช่อง 3 และ เฟซบุ๊กเพจทนายคลายทุกข์