เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ที่ บช.น. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ฐานะโฆษก บช.น. เปิดเผยว่าจากการชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา มีการรวมตัวของ 2 กลุ่มหลัก คือกลุ่มนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ จัดกิจกรรม CarMob เวลา 14.00 น. เริ่มรวมที่บริเวณแยกอโศก จากนั้นเวลา 16.00 น. เคลื่อนขบวนออกจากแยกอโศก เวลา 17.00 น. ขบวนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีการตั้งเวทีปราศรัย และนำผ้าสีดำมาคลุม และผูกป้ายที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ต่อมาเวลา 18.05 น. ประกาศยุติกิจกรรมชุมนุม

“แต่ในระหว่างนั้น เวลา 15.15 น. ได้มีเสียงระเบิดเกิดขึ้น 2 ครั้ง ที่บริเวณฝั่งตรงข้ามประตูศูนย์สิริกิติ์ฯ ถนนรัชดาภิเษก เป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย หกล้มจากระเบิดแสวงเครื่องที่กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวพกมาเอง และทำให้ผู้อื่นที่มาด้วยได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจพบเศษระเบิดในกางเกงของคนเจ็บ เบื้องต้นนำส่งรักษาตัวที่ รพ.เทพธารินทร์ และต่อมาได้ส่งตัวไปที่ รพ.ตำรวจ และต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” โฆษก บช.น. กล่าว

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มต่อมาคือกลุ่มต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ และกลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายเวลา 17.30 น. ที่สามเหลี่ยมดินแดง เนื่องจากมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณแยกดินแดง ตั้งแต่เวลา 16.00 น. กลุ่มจึงถอยมารวมที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และต่อมา เวลา 19.00 น. บางส่วนได้ชักชวนกันไปรวมตัวที่ แยกนางเลิ้ง ได้มีการรวมตัวก่อความวุ่นวาย ขว้างปาประทัด พลุไฟ ระเบิดต่างๆ ใส่บริเวณเชิงสะพานชมัยฯ เป็นระยะๆ จากนั้นมีการจุดไฟเผาป้อมการจราจรแยกนางเลิ้ง และทุบทำลายป้อมจราจรแยกยมราชเสียหาย ต่อมา เวลา 19.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล ได้ประกาศเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการกระทำเนื่องจากเป็นความผิด และให้ออกจากพื้นที่ดังกล่าว แต่กลุ่มไม่ยอมเชื่อฟังยังคงก่อความวุ่นวายเป็นระยะๆ มีการจุดไฟเผาพระบรมฉายาลักษณ์บนสะพานลอย และเอกสารในรถยนต์ของกองพิสูจน์หลักฐาน บริเวณแยกนางเลิ้ง เป็นเหตุให้มีทรัพย์สินสาธารณประโยชน์ทั้งของทางราชการและเอกชน ได้รับความเสียหายจำนวนหลายส่วน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้กระทำผิดดังกล่าวจำนวน 16 ราย เป็นเยาวชน 4 ราย พร้อมยึดของกลาง เป็นวัสดุทำด้วยท่อลักษณะคล้ายอาวุธปืน, หนังสติ๊ก, ประทัดลูกบอล, ลูกแก้ว และอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า หากผลการตรวจพิสูจน์ยืนยันว่าเป็นอาวุธปืนตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป ส่วนความเสียหายเมื่อวานนั้น เป็นเอกสารทางราชการตรวจสถานที่เกิดเหตุ การทำให้เกิดความเสียหายอาจจะให้มีผลกระทบกับคดีที่สำคัญ ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบ นอกจากรถ พฐ. ถูกทุบทำลาย ตู้ควบคุมจราจรแยกยมราชถูกทำให้เกิดความเสียหาย และยังมีความเสียหายตู้จราจร 10 แห่ง กล้องวงจรปิดหลายจุด อุโมงค์ระบายน้ำดินแดง ตู้เก็บเงินทางด่วนถูกทุบทำลาย รถได้รับความเสียหาย 50 คัน ส่วนเหตุการทำร้ายตำรวจหน้าร้านศรแดง ยังไม่ได้รับรายงาน ต้องขออนุญาตตรวจสอบก่อน.