จากปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีเส้นทางเติบโตใกล้ 50 ปี แต่ขณะที่ตลาดหุ้นหลัก ๆ มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี โดยยุคต้น ๆ หุ้นไทยได้อิงไปตามเส้นทางต้นแบบในต่างประเทศ แต่เมื่อขยับขยายตัวได้ก็จะมีเส้นทางของตนเองได้

“สิริพร สงบธรรม จังตระกุล” เลขาธิการสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย เล่าว่า จากเดิม เราใช้ชื่อเรียกกลุ่มหุ้นยั่งยืนว่า Thailand Sustainable Investment หรือ THSI เทียบกับตลาดหุ้นนิวยอร์กที่เขามี DJSI แต่มาวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พลิกขาน THSI เปลี่ยนไปเป็น SET ESG Rating เพื่อให้ชัดเจน และเป็นที่รับรู้กันในวงกว้างแล้ว กับคำว่า ESG พอมาเติมหัวท้าย จึงเป็นการแสดงเอกลักษณ์ ที่เข้าใจกันใกล้ชิดขึ้น

ล่าสุด เมื่อ 10 พ.ย. 66 นอกจากจะมีการประกาศการขานชื่อใหม่ของดัชนีตัวนี้แล้ว ยังมีการประกาศผลรายชื่อบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มที่ได้รับการประเมินผลว่าเป็นหุ้นยั่งยืน จำนวน 193 บริษัท เพื่อแสดงความยินดีกับนโยบายของผู้บริหารที่หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นเรื่องสำคัญ ที่ลงมือควบคู่กับการดำเนินงานธุรกิจหลักของตัวเอง และมีการผสมลงไปในเนื้องานเดียวกัน ไม่ต้องมีการแยกส่วนให้ยุ่งยากในการที่จะแสดงออกถึงความเป็น “คนดี” ดุจ “ทองเนื้อเก้า” ที่ดีได้ด้วยตัวเอง

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือกจะเข้มข้นมาก เพราะเป็นการแสดงจุดยืน ความน่าเชื่อถือ ที่ต้องสะสมแต้มแห่งความดี มีการพิจารณาหลายมิติ อาทิ การจัดการสิ่งแวดล้อม การดูแลพนักงาน ดูแลชุมชนและสังคม ในแง่มุมต่าง ๆ ที่จะแสดงออกให้เห็นถึงความเป็น “คนดี” ซึ่งอาจต้องใช้งบประมาณในการลงมือทำเรื่องนี้ แต่หลายฝ่ายเชื่อว่า เมื่อแนวโน้มของชาวโลกเดินกระแสมาแนวทางนี้ งบประมาณ
ดังกล่าวจึงเป็นเงินลงทุนที่คุ้มค่าในอนาคต

“เชื่อว่า นักลงทุนผู้เป็นเจ้าของเงินลงทุน ย่อมต้องการเป็นหุ้นส่วนกับ “คนดี” เงินลงทุนงอกเงย ตามกาลเวลารับปันผลให้ชื่นใจ และเม็ดเงินลงทุนนั้น มีส่วนในการพัฒนาขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เรื่องราวดี ๆ ของคนดี ๆ จึงเกิดขึ้นได้ไม่ยาก แต่ดัชนีดังกล่าวเป็นเพียงหนึ่งในปัจจัยมุมดี เพราะยังมีอีกหลากหลายปัจจัยเสี่ยงในโลกของการลงทุนมี ให้เราได้ขบคิด เผชิญหน้ากันอีกมากเช่นกัน”.