กรณี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา ว่า ได้หารือกับนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เกี่ยวกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่มีการไปฝังตัวอยู่บริเวณชายแดน ก็ขอให้ดูดีๆ โดยมั่นใจว่า นายประเสริฐ ให้ความสำคัญสูงสุดในเรื่องนี้ หลังเปิดเผยว่า “มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรฯ มาหาบ่อยเลยครับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร มีแบบข้อความส่งมาด้วยว่า เรียนคุณเศรษฐา ทวีสิน นอกจากมีเรื่องนั้นเรื่องนี้ ผมยังเก็บไว้ขำๆ เหมือนกัน”  ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

‘เศรษฐา’โดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ป่วน ทั้งโทรฯทั้งส่งข้อความ

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร กรรมการ กสทช. ด้านกฎหมาย กล่าวว่า กสทช.ได้เรียกประชุม อนุกรรมการบูรณาการแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายความผิดทางเทคโนโลยีโทรคมนาคม และความมั่นคงของรัฐ เป็นการด่วนในวันจันทร์ที่ 27 พ.ย.นี้ โดยมีตนเป็นประธาน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ปปง., ธนาคาร และผู้ให้บริการมือถือ ฯลฯ โดยจะมีการพิจารณาเรื่องการเอาผิดย้อนหลังกับผู้ที่ครอบครองซิมการ์ด แล้วนำไปกระทำผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.เป็นต้นมา ที่ พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ได้บังคับใช้

“กสทช.จะร่วมกับตำรวจไซเบอร์ นำข้อมูลเลขหมายที่ได้รับแจ้งความจำนวนกว่า 1 หมื่นเลขหมาย มาวิเคราะห์ ว่าเบอร์ใด มีการใช้โทรฯ ออกวันๆ หนึ่งมากกว่า 500 เบอร์ หรือเข้าข่ายต้องสงสัยมีการนำไปทำผิดกฎหมาย จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายกับผู้ครอบครองที่ปล่อยให้มีการใช้เบอร์ดังกล่าวไปทำผิดด้วย ซึ่งการประชุมในวันที่ 27 พ.ย.นี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุปถึงแนวทางดังกล่าว” พล.ต.อ.ณัฐธร กล่าวและว่า สำหรับการออกประกาศครอบครองซิมการ์ด ตั้งแต่ 5 เลขหมายขึ้นไปต้องมาลงทะเบียน นั้น ทาง กสทช. ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง อยู่ระหว่างเตรียมเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง จากนั้นจะนำเสนอ บอร์ด กสทช. เห็นชอบ โดยจะเร่งให้ประกาศใช้ได้เร็วกว่าเดิม ที่กำหนดในช่วงเดือน ม.ค.67