เมื่อวันที่ 21 ก.ย. “ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล” ได้เผยข้อมูลผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “อัพเดทผลการศึกษาการฉีดวัคซีนไขว้ เทียบการฉีดด้วยวัคซีนชนิดเดียวกัน” จากผลการศึกษาวิจัยโดยศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สรุปได้ว่า

  1. การฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันสูงสุด 2,259.9 หน่วยต่อมิลลิลิตร
  2. การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ได้ระดับภูมิคุ้มกันดีรองลงมาที่ 2,181.8 หน่วยต่อมิลลิลิตร
  3. การฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้วตามด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา ได้ระดับภูมิคุ้มกัน 1,049.7 หน่วยต่อมิลลิลิตร

“การใช้วัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มแรก แล้วตามด้วยแอสตราฯหรือไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2 สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ดี และ การฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเป็นเข็มแรก ควรตามด้วยวัคซีนไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 2”

การศึกษาดังกล่าว เป็นการวัดเป็นผล anti-RBD IgG วัดโดยเครื่อง Abbott และรายงานเป็นหน่วยมาตรฐาน BAU/mL ส่วนผลการวัดแบบ PRNT50 จะมีการรายงานต่อไป นอกจากนี้ผลการศึกษายังไม่มีปัญหาเรื่องอาการข้างเคียงหลังฉีดเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สองในระยะเวลาห่างกันประมาณ 4 สัปดาห์

อย่างไรก็ตาม ควรมีการศึกษาประสิทธิภาพและประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่ได้รับวัคซีนเพื่อยืนยันภูมิคุ้มกันจากการศึกษานี้..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Siriraj Institute of Clinical Research