วันที่ 4 ธ.ค. น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ ครม.สัญจร ที่จังหวัดหนองบัวลำภู มีมติเห็นชอบเงินสนับสนุนตัดอ้อยสด ในโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น pm 2.5 ตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ

โดยชาวไร่อ้อยจะได้รับเงินสนับสนุนตัดอ้อยสดตันละ 120 บาท คาดว่ามีชาวไร่อ้อยที่เข้าร่วมโครงการประมาณ 140,000 ราย ทั้งนี้ โครงการฯ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับชาวไร่อ้อย และส่งผลต้นทุนการผลิตอ้อยปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มจ่ายได้ในเดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป

“ขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) ที่สนับสนุนชาวไร่อ้อยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย และทำให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยการสนับสนุนตัดอ้อยสดครั้งนี้ คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 เพี่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับพี่น้องชาวไร่อ้อย”

น.ส.พิมพ์ภัทรา เพิ่มเติมข้อมูล “มติ ครม. อนุมัติกรอบวงเงิน โครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยตัดอ้อยสดคุณภาพดีเพื่อลดฝุ่น PM 2.5 วงเงิน 8,000 ล้าน ใช้งบประมาณในส่วนของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ทั้งนี้ไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือของ WTO”

ภายหลังจากประชุมครม.สัญจร นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงรายละเอียดโครงการสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อย 120 บาทต่อตัน ว่า ครม.สัญจร อนุมัติตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอมาในกรอบวงเงิน 7,990.6 ล้านบาท เพื่อจ่ายเกษตรกรชาวไร่อ้อย 120 บาทต่อตัน และยังแก้ไขการลักลอบเผาอ้อย

ที่ผ่านมาคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เห็นชอบแนวทางสนับสนุนชาวไร่อ้อย ขอรับจัดสรรงบตัวนี้ ในฤดูกาลผลิต 2565/66 ซึ่งจะงบเป็นชดเชยให้ชาวไร่อ้อยสำหรับการดำเนินการที่ผ่านพ้นไปแล้ว ส่วนการตัดอ้อยรอบปีถัดไป ทางกระทรวงอุตฯขอความร่วมมืออยากให้ชาวไร่อ้อย ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่เผาอ้อย และปรับเปลี่ยนการปลูกอ้อยใหม่

นางรัดเกล้า ระบุว่า “รมว.อุตฯ ย้ำว่าสิ่งที่เกษตรกรทำอยู่ มีหลายคนทักท้วง ตัวเลข PM 2.5 มองไม่ออกว่าลดลงหรือไม่ เน้นย้ำการเปลี่ยนแปลงเกษตรกร ต้องดูได้ด้วยตา เพราะชาวไร่อ้อยได้เปลี่ยนแปลงการปลูกอ้อยที่จะไม่เผาอ้อย และรองรับแนวทางลดฝุ่น PM 2.5 อย่ามองแต่ตัวเลขให้มองสิ่งที่ชาวไร่อ้อยได้ทำ”

ทั้งนี้โครงการนี้สอดคล้องกับการดำเนินการที่ผ่านมา ที่จ่ายให้ชาวไร่อ้อย ฤดูกาลผลิตปี 2563/64 และปี 2564/65 ซึ่งจ่ายให้ 120 บาทต่อตันเท่ากัน โดยการจ่ายเงินจะผ่าน ธ.ก.ส. ซึ่ง ธ.ก.ส.ขอเวลาบริหารจัดการ 1 เดือน เพื่อให้มีเงินมารองรับการจ่ายเงินให้ชาวไร่อ้อย

“ยืนยันว่าการขอรับเงินอุดหนุนนี้ ไม่ขัดพันธกรณีขององค์การการค้าโลก (WTO) เพราะให้ชาวไร่อ้อยส่งเสริมตัดอ้อยสด เพื่อลดมลพิษทางอากาศ และอยู่ภายใต้ WTO ในข้อกำหนดด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม (Green box) ด้วย”

(ที่มา : มติ ครม.สัญจร หนองบัวลำภู ณ 4 ธ.ค.66)