เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลโดยกระทรวงยุติธรรม ตรวจเยี่ยมผลการดำเนินงานของเรือนจำกลางอุดรธานี ถนนศรีสุข ต.หมากแข้ง อ.เมืองอดรธานี จ.อุดรธานี ทั้งนี้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้มีข้อสั่งการเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและกรมราชทัณฑ์ ในประเด็นสำคัญ ได้แก่

1.มอบหมายกรมราชทัณฑ์จัดทำข้อมูลสถิติเกี่ยวกับผู้ต้องกักขัง กรณีกักขังแทนค่าปรับ อันเป็นการแสดงถึงความเหลื่อมล้ำที่ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ดังนั้น จึงเสนอแนะแนวทางการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ต้องกักขังแทนค่าปรับ ให้มีการทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ แทนค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 30/1

2.การพัฒนาพฤตินิสัย เป็นภารกิจหลักที่แต่ละเรือนจำต้องคัดกรองและสามารถให้ผู้ต้องขังได้มีการพัฒนาศักยภาพของตนเองตามความถนัดและเตรียมความพร้อม ในการกลับไปอยู่ในสังคมและไม่กลับไปกระทำผิดซ้ำ

3.ผู้ต้องขังหญิงจำนวนมากถูกจำคุกทั้งที่ไม่มีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม และการจำคุกถือเป็นอุปสรรคในการกลับคืนสู่สังคม จึงมีแนวทางให้มีงานทำและสนับสนุนให้มีการควบคุมตัวภายนอกเรือนจำ ตามหลักข้อกำหนดสหประชาชาติว่าด้วยการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังหญิงและมาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง (Bangkok Rules) มาตรการที่มิใช่การคุมขังสำหรับผู้กระทำผิดหญิง มาตรการในการลงโทษโดยไม่ใช้เรือนจำ (Non-Custodial Sanctions and Measures)

มุ่งใช้บังคับกับผู้กระทำผิดหญิงที่กระทำความผิดไม่รุนแรง ประกอบกับมีปัจจัยทางกายภาพที่ไม่เหมาะกับการถูกคุมขัง เช่น เยาวชนหญิง และผู้กระทำผิดที่ตั้งครรภ์เป็นต้นโดยข้อกำหนดในส่วนที่ 3 นี้ สามารถใช้บังคับได้ตั้งแต่ในชั้นการสอบสวน จนกระทั่งหลังมีคำพิพากษา

4.เรือนจำกลางอุดรธานี มีอายุยาวนานถึง 108 ปี และอยู่ในเขตพื้นที่ใจกลางเมือง มีชุมชนและสถานที่ราชการรอบข้าง ประกอบกับมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2547 ในเรื่องของการย้ายเรือนจำ จึงควรดำเนินการให้สมบูรณ์ โดยการย้ายเรือนจำต้องคำนึงถึงเรื่องของสาธารณูปโภคให้มีความพร้อมทั้งน้ำประปาและไฟฟ้า จึงมอบหมายอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้บัญชาการเรือนจำกลางอุดรธานี ศึกษาข้อมูลกับผู้เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน