เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. คุณยายยุพิน (นามสมมุติ) อายุ 60 ปี เดินทางจากจังหวัดอุตรดิตถ์ เข้าร้อง นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด หลังสามีตัดสินใจผูกคอเสียชีวิตให้นำเงินฌาปนกิจมาใช้หนี้เงินกู้นอกระบบ เนื่องจากไม่มีเงินจ่ายดอกลอยวันละ 3,000 บาท แล้วถูกตามทวงต่อเนื่อง
นายเอกภพ กล่าวว่า คุณยายยุพิน และสามี มีอาชีพขายหอมแดง กระเทียม เลี้ยงตนเองและหลานอีกสองคน คนหนึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.5 อายุ 17 ปี อีกคนเพิ่งวัยเพียง 5 ขวบ โดยปกติคุณยายเป็นคนมีเงินจากการค้าขายมาใช้จ่ายรายวันได้มาตลอด แต่ช่วงโควิด-19 ระบาด เจอวิกฤติทำให้การค้าขายไม่ดี จึงต้องหันไปกู้เงินทั้งในและนอกระบบมาลงทุนต่อ แต่ก็ยังคงขายไม่ดี ต้องกู้เพิ่มกลายเป็นงูกินหาง ทำให้หาเงินมาจากดอกเจ้าหนี้ประมาณ 7 เจ้าไม่ทัน
นายเอกภพ กล่าวอีกว่า โดยแต่ละวันต้องจ่ายดอกประมาณ 3,000 บาท จนเมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งในเจ้าหนี้ ชื่อนายสุดหล่อ ที่ชอบโทรฯ มาทวงเงินและมักจะด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายรุนแรง ได้ติดต่อมาทวงเงินโดยโทรศัพท์ไปทวงเงินไปที่เบอร์ของตา และด่าตาแบบรุนแรง แต่ตาบอกว่าไม่มีเงินจ่าย ทั้งตัวมี 103 บาท จึงต่อรองขอจ่าย 70 บาท แต่นายสุดหล่อ ไม่ยอม สุดท้ายตาต้องโอนเงินไปให้ 100 บาท ทำให้ทั้งวันไม่ได้กินข้าว
นายเอกภพ กล่าวว่า วันนั้นพอตากลับมาจึงปรึกษายาย ว่าทั้งตัวเหลือเงินเพียง 3 บาท และวันพรุ่งนี้เจ้าหนี้ต้องมาทวงเงินอีกแน่นอน พร้อมบอกว่าหากหาเงินไม่ได้ต้องมีใครสักคนตายเอาเงินมาใช้หนี้ จากนั้นตาได้ออกอุบายให้ยายไปตามหลานเขยมาที่บ้าน แต่พอยายกลับมาถึงพบบ้าน พบว่าบ้านล็อก จึงให้หลานปีนเข้าไปจึงพบว่าตาผูกคอตายแล้ว
คุณยายยุพิน เปิดเผยว่า ไปเป็นคนไปยืมเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว มีเจ้าหนี้ในระบบเป็น ธ.ก.ส. และหนี้นอกระบบอีก 7 เจ้า แต่บางส่วนไม่ได้ทวงแบบรุนแรงแต่ตนก็ไม่มีจ่าย เพราะเคยไปหยิบยืมจากเพื่อนมาใช้หนี้นอกระบบ โปะไปมาทำให้เป็นหนี้ท่วมตัว หายืมอีกไม่ได้แล้ว จนถูกตามทวงหนี้หนักขึ้นเรื่องๆ บางรายถึงกับข่มขู่ ตาจึงก่อเหตุสลดดังกล่าว และหลังตาเสียชีวิตได้เงินฌาปนกิจมา ประมาณ 160,000 บาท บาท ธ.ก.ส.หักไป 100,000 บาท เหลือ 60,000 บาท เอาไปจัดงานศพ 80,000 บาท ซึ่งเงินไม่พอ ชาวบ้านจึงช่วยกันทำบุญได้ประมาณ 40,000 บาท แบ่งไปจ่ายเจ้าหนี้ที่มาทวงในงานศพตา 20,000 บาท ทำให้ยายไม่เหลือเงินแล้วสักบาท และยายยังไม่ทราบว่าต้องจ่ายหนี้อีกเท่าไหร่
ยายยุพิน เผยอีกว่า ต่อมาหลังจากเสร็จงานศพตา ยังเจ้าหนี้เจ้าที่เหลือโทรฯ มาทวงเงิน จึงมีความคิดที่จะตายตามตาไป เพราะเจ้าหนี้พูดว่า “ถ้ายายตายหนี้ก็จบ” แต่ที่ไม่ทำเพราะห่วงหลานสาว 2 คน อีกทั้งตั้งแต่ที่เป็นหนี้มาหลานสองคนก็ไม่มีเงินไปโรงเรียนอดมื้อกินมื้อ บางวันขอข้าวจากครูที่โรงเรียนกลับมากินที่บ้าน ซึ่งตอนที่ตายังไม่เสียชีวิตยายเคยชวนตาหนี แต่ตาไม่หนีและยังยืนยันว่าจะยังคงจ่ายหนี้ทั้งหมด สิ่งที่ต้องการที่สุดในตอนนี้คืออยากให้มีคนมาช่วยเจรจาผ่อนจากหนักให้เป็นเบาเพราะหนี้ที่เป็นอยู่ไม่มีกำลังจ่าย
ยายติ่ง และป้าต้อย เพื่อนยายยุพิน บอกว่า เป็นเพื่อนกันมานานเห็นเจ้าหนี้มาทวงเงินบ่อย ทั้งดุด่าข่มขู่ไล่ให้ไปตาย บางวันเห็นว่าเพื่อนร้องไห้ บางครั้งก็แอบถ่ายคลิปไว้ ที่หนักสุดคือเคยมาปรึกษาเรื่องวางแผนฆ่าตัวตาย เพราะต้องการเงินไปจ่ายหนี้ พวกตนเลยสงสารไปได้ทักหาหลายเพจเพื่อหาทางช่วยเหลือ อีกทั้งยังถูกชาวบ้านประณามว่าเป็นต้นเหตุให้สามีตาย พอยายมาเจอเรื่องหลายอย่างผสมรวมเข้าด้วยกัน เลยทำให้คิดสั้นเพราะคิดเองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ตาตาย
ยายติ่งและป้าต้อยเพื่อนยายยุพิน ยังบอกอีกว่าพวกเขาก็เข้าใจหัวอกของยายยุพิน เพราะตัวเองก็เป็นหนี้เหมือนกัน เคยแก้ปัญหาโดยการไปร้องศูนย์ดำรงธรรม ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าแก้ไปก็ไม่มีประโยชน์ และต้องรอนโยบายใหม่ของรัฐบาลในเดือนมีนาคมปีหน้า ทั้งยังเคยไปแจ้งความเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ทำอะไรให้ไปจ่ายหนี้เอาเอง
สำหรับยอดหนี้ของยายยุพิน ประกอบด้วย ธ.ก.ส. 400,000 บาท กู้มาทำบ้าน รถกระบะ 160,000 บาท เข้าไฟแนนซ์ แต่ที่เป็นเรื่องหนัก ก็คือหนี้นอกระบบ ดอกเบี้ยลอยตัว 7 เจ้า ปิดไปแล้ว 2 เจ้า เหลืออีก 5 เจ้า แบ่งเป็น 1.เจ้านายสุดหล่อกู้เงินมา 20,000 บาท ส่งดอกวันละ 400 บาท ส่งไป 96 วัน ต้นยังอยู่ครบ 20,000 บาท 2.เจ้านาย “ไผ่” กู้เงินมา 15,000 บาท ส่งดอกวัน 750 บาท ส่งดอก 24 วันจบ ส่งมาเป็นปีแล้ว จ่ายไม่ครบ วันละ 300-600 บาท 3.เจ้านายโอ 20,000 บาท ปิดไปแล้ว ส่วนเจ้าที่ 4.กู้มา 20,000 บาท และเจ้าที่ 5 กู้มา 30,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทวงโหด รวมทั้งยังยืมชาวบ้านและเพื่อนบ้านมาปิดวนไปอีกนับไม่ถ้วน
ส่วนความคืบหน้าหลังเพจ สายไหมต้องรอด รับเรื่องร้องเรียนจะพาคุณยาย เดินทางไปพบ พล.ต.ต.สุทธิพงศ์ เป๊กทอง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อหารือแนวทางในการเจรจาไกล่เกลี่ยเจ้าหนี้ตามนโยบายรัฐบาลต่อไป