ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งหนึ่งประดราม่าสุดร้อนแรงที่ชาวเน็ตบนโลกออนไลน์ต่างพากันพูดถึง และกำลังจับตามองกันเป็นจำนวนมากในขณะ จากกรณี หมอปลา หรือ นายจีรพันธ์ แสงขาว และนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความ ร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง หมู่ 10 ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี.

หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายรายหนึ่งที่เข้ารับการบำบัดว่า มีการถูกซ้อมทรมาน ให้ทำสัญญาและเรียกเก็บเงิน หากจะออกมาก็ต้องจ่ายเงิน โดยมีผู้บำบัดอยู่กันอย่างแออัดประมาณ 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง พร้อมตั้งคำถามว่า ศูนย์ที่ตั้งขึ้นมาเป็นไปตามหลักเกณฑ์มาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดหรือไม่ โดยทางวัดก็มีการออกมาตอบโต้ข้อเท็จดังกล่าว ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด ตัวแทนผู้บำบัด และศิษย์เก่าศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการโหนกระแส โดยบอย ซึ่งป็นตัวแทนได้เล่าว่า มีผู้คุมที่อยู่ข้างในใส่เสื้อสีส้มและตัวหนังสือเขียนว่าเป็นอาสากู้ภัย มีการทำร้ายร่างกายด้วยไม่คมแฝก เหล็กแท่งยาว และต้องถูกกักขังในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งหากใครอยากออกมาข้างนอกต้องบวชเป็นพระ และเสียเงินอีก 2 หมื่นบาท จึงจะเป็นอิสระ ออกมาข้างนอกได้ ส่วนเรื่องห้องน้ำ 20 ห้องนั้น มีจริง แต่อยู่ด้านนอก ผู้บำบัดไม่สามารถออกไปใช้ได้เลย

จึงจำเป็นต้องใช้ห้องน้ำได้ในที่มีอยู่เพียง 2 ห้อง ซึ่งบทลงโทษนอกจากทำร้ายร่างกายคือการใส่กุญแจมือ หากมีการทำผิดอย่างหลบหนี หรือการทะเลาะวิวาท และจะมีเรื่องคูปองที่ทางครอบจะส่งมาให้เดือนละ 2,000 บาท จะได้รับคูปองเป็นวันละ 60 บาท แบ่งเป็น 2 คูปอง คูปองละ 30 บาท ใช้ซื้อขนม เช่น ขนมต้มราคาตลาด ต้องเสียเงินซื้อ 1 คูปอง 30 บาท หรือแปรงสีฟันก็ 1 คูปอง ส่วนแป้งเย็นก็เสีย 2 คูปอง ราคา 60 บาท โดยเจ้าของร้านที่ขายของนั้นเป็นญาติกับเจ้าอาวาส ทั้งนี้ บอยทิ้งท้ายว่าเป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองที่ออกมาพูดแบบ กลัวถูกทำร้าย

ด้าน นายบูรพา ศิษย์เก่าที่เคยรักษาในสถานบำบัดแห่ง เปิดเผยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งเป็นจริงตามที่เป็นข่าวเลย เดือนแรกที่ตนเองเข้าไป ทางศูนย์บำบัดให้อาบน้ำเพียงวันละ 5 ขัน และมีการห้ามใช้สบู่ น้ำที่ใช้อาบก็มีลักษณะขุ่น สกปรกมาก ทำให้ผู้บำบัดเกิดโรคผิวหนัง พอครบ 3 เดือนที่ญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้ ก็ไม่ได้เล่าพ่อแม่ฟัง ซึ่งตอนนั้นก็มีโรคหิดเกิดขึ้นแล้ว อีกอย่างหากกลับบ้านก่อนเวลาจะถูกเรียกเงินอีก 10,000 บาท

สำหรับเรื่องทำร้ายร่างกายโดนทุบตีทุกอย่าง ทั้งไม้กระบอง คมแฝก รวมถึงรองเจ้าอาวาสที่ใช้เท้าลูบหน้า ลูบหัว ด่า กระทืบด้วย นอกจากนี้เพื่อนยังถูกทำโทษด้วยการใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าแบบพกพาอีกด้วย ส่วนเรื่องกินข้าวตอนแรกให้กินวันละ 2 มื้อ แต่ช่วงพักหลังก็ให้กินวันละมื้อ และเรื่องการกักบริเวณไม่ได้เพิ่งจะเริ่มมี แต่มีตั้งแต่ดือนตุลาคมมาแล้ว ส่วนตัวไม่อยากเอาเรื่อง แต่อยากมาเล่าความจริงให้ทุกคนได้รับรู้

ทางด้าน หมอปลา เปิดเผยว่า ตอนนี้ได้ทำการไปร้องกองปราบฯเรียบร้อยแล้ว จะดำเนินคดีทั้งหมด หนึ่งในนั้นคือการค้ามนุษย์ ซึ่งก่อนหน้าได้เข้าความที่ สภ.ในพื้นที่ แต่ทางตำรวจดูเหมือนไม่เต็มใจรับแจ้งความ จึงได้ทำการลงบันทึกประจำวัน และเดินทางมาร้องที่กองปราบฯ นอกจากเรื่องราวที่น่าเศร้าคือ แม่ของหนึ่งในผู้บำบัดเล่าว่าอยากให้ลูกเข้ารักษาตัวที่ศูนย์บำบัดนี้ เพื่อให้ลูกหายเป็นคนดี ถึงขั้นยอมไปรับจ้างขนยาบ้าเพื่อนำมาจ่ายส่วนนี้ จนสุดท้ายโดนจับ แต่ลูกก็ได้เข้ารักษา แต่พอแม่ออกมาจากคุกเจอแบบนี้ก็เสียใจไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้

ทั้งนี้ ระหว่างดำเนินรายได้เปิดเสียงสัมภาษณ์ของลูกศิษย์วัดและอสม. โดยบอกว่า ผู้คุมที่ใช้คุมผู้บำบัดเป็นชาวบ้านที่ได้ค่าจ้างวันละ 200 บาท ส่วนเรื่องข้าวก็มีทั้งบูดและไม่บูดบ้าง อยากให้สื่อฟังเสียงชาวบ้านบ้าง อย่านำเสนอโจมตี

ด้าน ทนายความนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่า “การกระทำลักษณะนี้ เป็นการกระทำเป็นกระบวนการ วัดยังไม่ได้รับการตรวจสอบแบบถูกต้อง นอกจากนี้ชาวบ้านทั่วไทยมาดูแลไม่ได้ เพราะผู้บำบัดต้องได้รับการดูแลโดยเฉพาะ”..