เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่รัฐสภา นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะวิปรัฐบาล กล่าวถึงการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ตลอด 2 วันที่ผ่านมาว่า ทำหน้าที่ได้ดีทั้งสองฝ่าย แต่ละฝ่ายเอาข้อมูลของตัวเองมาคุยกัน โดยเฉพาะงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ระบุว่า ตัวเลขงบฯ ที่แต่ละท่านได้พูดมานั้นไม่ตรงกัน ไม่ใช่ข้อเท็จจริงสักเท่าไหร่ ดังนั้น เราต้องกลับไปดูว่าตัวเลขตัวไหนที่มีความถูกต้อง อย่างไรก็ตาม อย่าให้ตนต้องไปให้คะแนนฝ่ายค้านในการอภิปรายในครั้งนี้เลย เพราะถือว่าเขาได้ทำการบ้านมาดี อย่างที่ทราบ เราได้เอกสารกระชั้นชิด มีเวลาตรวจสอบตัวเลขเพียง 9 วัน และเป็นช่วงของเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเรามีความล่าช้าในการทำงบประมาณชุดนี้ ถ้ารวมวาระ 2 และ 3 จนถึงการทูลเกล้าฯ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เราจะต้องอภิปรายในวันที่ 3-5 ม.ค. นี้

เมื่อถามว่าวันนี้จะมีการโหวต แล้วในส่วนของรัฐบาลมีการกำชับเสียง สส. อย่างไรบ้าง นายสรวงศ์ กล่าวว่า คาดว่าเสียงของฝ่ายรัฐบาลไม่น่าจะขาด เว้นแต่เสียงของนายอดิศร เพียงเกษ ที่มีอาการป่วย อย่างไรก็ตาม นี่คือวาระแรกเท่านั้น ตนมองว่าเราน่าจะมีการให้ความร่วมมือซึ่งกันและกัน เพราะงบประมาณที่จะผ่านสภาเป็นผลประโยชน์ของประชาชน

เมื่อถามต่อว่า ตัวเลข สส. ที่จะมีการโหวตในวันนี้ สะท้อนถึงเสถียรภาพและเอกภาพของรัฐบาลได้เร็วหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น ตนมองว่าเสียงของเราจะผนึกกันแน่นอน ไม่น่าจะมีเสียงแตก สังเกตจากการอภิปรายของแต่ละท่าน งวดนี้จะไม่มีการปกป้อง หรือพูดถึงกระทรวงที่พรรคของตัวเองดูแล แต่จะเป็นการอภิปรายในภาพรวมและแตะทุกกระทรวง

เมื่อถามถึงการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อกำชับอะไรหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ไม่มี นายกฯ ได้บอกให้เรารับฟัง และให้ทีมงานจดประเด็นในสิ่งที่ฝ่ายค้านได้เสนอแนะมา และพร้อมที่จะเข้าไปดูแลปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการ การอภิปรายเมื่อวันที่ 4 ม.ค. ที่ผ่านมา มี สส. บางท่าน เข้าใจว่า ในชั้นกรรมาธิการสามารถปรับแก้งบประมาณได้ แต่ในข้อเท็จจริงแล้วไม่สามารถทำได้ ที่ทำคือมีแต่ปรับลด ส่วนจะปรับลดและทำอะไรต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับชั้นกรรมาธิการ ซึ่งต้องรอดูในอีก 3 เดือนข้างหน้า ส่วนเรื่องที่ฝ่ายค้านมองว่า จะเป็นการตบทรัพย์หรือไม่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคล แต่ที่นายกฯ ได้ให้สัมภาษณ์ไป คิดว่าในการทำงานของรัฐบาลชุดนี้ไม่มีแน่นอน เชื่อว่า สส. แต่ละท่านมีวุฒิภาวะมากพอ และจะปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบ เมื่อถามว่า ฝ่ายค้านได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า จะมีการกู้เงินเพื่อนำไปใช้นโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท นายสรวงศ์ กล่าวว่า ความชัดเจนเรื่องนี้ให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนตอบจะดีกว่า เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เรามีหน้าที่ในการตรวจสอบ ถ้าฝ่ายรัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้อง เราก็มีโอกาสที่จะทักท้วงได้

“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนนอกมองเข้ามา แต่พอเข้ามาอยู่ในตำแหน่ง และดูตัวเลขจริงๆ นั้น สิ่งที่เกิดขึ้นอาจจะไม่เป็นอย่างที่คนนอกมอง เข้ามา เพราะฉะนั้น ผมมองว่าให้ฝ่ายบริหารเป็นผู้จัดการดีกว่า ถ้าจะเสนอ พ.ร.บ.กู้เข้ามา ในฐานะที่เราเป็น สส. ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ก็มีสิทธิที่จะตรวจสอบทุกคน” นายสรวงศ์ กล่าวและว่า มั่นใจว่าประชาชนได้ใช้เงินดิจิทัล เพราะเราได้พูดกับประชาชนไว้ ตนเป็น สส.เขต อยู่กับประชาชนมาตลอด รู้ว่าความเป็นอยู่เป็นอย่างไร ทุกคนก็ทราบว่าเศรษฐกิจโลกค่อนข้างที่จะตกต่ำ ถ้าเราไม่มีแผนในการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจกันเองภายในประเทศ ตนบอกว่าแย่แน่นอน

เมื่อถามว่า สำนักงานกฤษฎีกาชี้ว่านโยบายนี้ไม่ควรทำต่อ นายสรวงศ์ กล่าวว่า เราทำตามคำชี้แนะของธนาคารแห่งประเทศไทย เท่าที่ศึกษามา การออก พ.ร.บ.เงินกู้ เป็นการกู้เงินมาเพื่อเป็นแบ๊กอัพ ไม่ใช่เป็นการกู้จากการที่รัฐบาลออกนโยบายนี้ แต่อยากให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศโดยใช้ระบบดิจิทัล อย่าไปบอกว่าเป็นเงินดิจิทัลเพราะเราใช้เงินบาท แต่เงินจำนวนดังกล่าวถูกส่งให้ประชาชนในรูปแบบดิจิทัลวอลเล็ต เมื่อไหร่ที่มีการใช้งานและไม่ได้เบิกเงินสดออกมา เงิน 500,000 ล้านบาท ก็ยังอยู่แน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกฯ และทีมบริหารต้องการให้เกิดขึ้น เงินยิ่งหมุนเวียนมากเท่าไหร่ เงินภาษีก็เข้า รัฐก็มีรายได้

เมื่อถามถึงถึงสัดส่วนการตั้งกรรมาธิการงบประมาณ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จะเสนอทั้งหมด 72 คน เป็น ครม. 18 ท่าน ที่เหลือจะเป็น สส.ฝ่ายค้านและรัฐบาล ในสัดส่วนลดหย่อนกันไป ในส่วนของพรรคเพื่อไทยได้ 15 คน ภูมิใจไทย 8 คน ซึ่งจะมีการประชุมนัดแรกในวันที่ 8 ม.ค. นี้ โดยช่วงเช้าจะเป็นการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ ในคณะกรรมาธิการ ส่วนช่วงบ่ายจะเป็นการประชุมแรงเนื้อหาสาระ โดยมีกรอบระยะเวลา 3 เดือน และจะเข้าวันละ 2 วาระ 3 ในวันที่ 4 เม.ย. หลังจากนั้นจะส่งให้ สว. พิจารณา และส่งกลับมาที่ ครม. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ประมาณวันที่ 17 เม.ย. คาดว่าเราน่าจะได้ใช้งบปี 2567 ปลาย เม.ย. ถึงต้น พ.ค. เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีการท้วงติงว่า การจัดงบครั้งนี้ ไม่มีการบรรจุนโยบายของพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ กล่าวว่า มีเกือบทุกนโยบาย เช่นนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งคนข้างนอกอาจจะตกใจว่ามีการใช้งบประมาณถึง 5,000 ล้านบาท กับนโยบายนี้ แต่จริงๆ แล้วงบอยู่กับหน่วยงานต่างๆ อยู่แล้ว ไม่ได้มีการจัดงบพิเศษขึ้นมาเพื่อทำนโยบายดังกล่าว แต่เป็นการหยิบเงินจากกระทรวงต่างๆ มาดำเนินการเพื่อให้ได้ประโยชน์.