เมื่อวันที่ 12 ม.ค. สำนักวิจัยสยามเทคโนโพล วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “ของขวัญวันเด็กที่พ่อแม่อยากได้จากรัฐบาลให้ลูก” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-10 ม.ค. 67 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีบุตรอายุแรกเกิดถึง 15 ปี ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,330 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับของขวัญวันเด็กที่พ่อแม่อยากได้จากรัฐบาลให้ลูก การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “สยามเทคโนโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-Stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ และโปรแกรม Google Form โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 95.00

จากการสำรวจเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป มีบุตรอายุแรกเกิดถึง 15 ปี ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป เกี่ยวกับของขวัญวันเด็กที่พ่อแม่อยากได้จากรัฐบาลให้ลูก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 26.39 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นสวัสดิการของรัฐที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็ก มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 18.42 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นการแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำทางการศึกษา ร้อยละ 10.83 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นการสนับสนุนสวัสดิการด้านการศึกษาจากรัฐบาล ร้อยละ 9.92 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นการเข้าถึงบริการภาครัฐของเด็ก ร้อยละ 9.32 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นครูที่มีคุณภาพ ร้อยละ 8.35 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นการแก้ปัญหาสภาพอากาศ ฝุ่น PM 2.5 ร้อยละ 7.45 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นการแก้ไขปัญหาสุขภาพจิตและความเครียดของเด็ก ร้อยละ 5.79 ระบุว่า อยากได้ของขวัญวันเด็กจากรัฐบาลเป็นการเปิดโอกาสในการมีส่วนร่วมทางการเมืองให้กับเด็ก และร้อยละ 3.53 ระบุว่า ไม่แสดงความคิดเห็น

ท้ายที่สุดเมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีบุตรอายุแรกเกิดถึง 15 ปี ตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป เกี่ยวกับความคิดเห็นของพ่อแม่ที่อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็ก พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 19.85 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการตั้งครรภ์โดยไม่พร้อม มากที่สุด รองลงมา ร้อยละ 14.66 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการกระทำความรุนแรงทางร่างกาย ร้อยละ 13.76 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการกระทำความรุนแรงทางอารมณ์ ร้อยละ 13.31 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการกระทำความรุนแรงทางเพศ ร้อยละ 12.33 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการปล่อยปละละเลยทอดทิ้ง ร้อยละ 11.73 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็ก ร้อยละ 10.75 ระบุว่า อยากให้รัฐบาลออกนโยบายปกป้องดูแลช่วยเหลือเด็กด้านการแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากเด็ก และ ร้อยละ 3.61 ระบุว่า ไม่แสดงความคิดเห็น

สำหรับความเห็นของ ผศ.ดร.สุดาภรณ์ กิจกุลนำชัย นักวิชาการด้านการจัดการภาครัฐ คณะรัฐประศาสนศาสตร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ได้ให้ความเห็นในกรณีสวัสดิการของรัฐที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กว่า “เด็กไม่ใช่แค่เพียงมนุษย์ตัวจิ๋วที่จะเติบโตไปตามกาลเวลาเท่านั้น แต่เขาคือบุคลากรที่สำคัญของประเทศที่ต้องได้รับการดูแล ให้ความช่วยเหลือ และส่งเสริมการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับยุคสมัย โดยเฉพาะการเข้าถึงสิทธิต่างๆ ที่เด็กสมควรได้รับเพื่อการเติบโตเป็นเยาวชนที่มีคุณค่า บนพื้นฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง” ซึ่งตามอนุสัญญาสิทธิเด็กข้อที่ 26 ระบุว่า “รัฐควรให้ความช่วยเหลือ ทั้งทางการเงิน และด้านอื่นๆ แก่เด็กที่ครอบครัวยากจน” ดังนั้น จึงมีเสียงสะท้อนของประชาชนที่ขอฝากคำถามถึงรัฐบาลท่านเศรษฐา ว่า 1) รัฐบาลนี้ มีสวัสดิการรัฐที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตเด็กได้เพียงพอจริงหรือ? 2) รัฐบาลมีมาตรการลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสวัสดิการภาครัฐของเด็กๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่? และ 3) “นโยบายการแก้ไขปัญหาตั้งครรภ์ไม่พร้อม” ในยุคปัจจุบัน สามารถแก้ไขปัญหาได้จริงหรือ?