กรณีศึกษาล่าสุดจากประเทศจีนเผยผลวิเคราะห์ที่น่าตกใจว่า พบความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มชานมไข่มุกและการเจ็บป่วยทางจิตในกลุ่มคนหนุ่มสาว
กรณีศึกษานี้เพิ่งจะเผยแพร่ในวารสาร “Journal of Affective Disorders” เมื่อเดือนพ.ย. ปีที่แล้ว โดยใจความสำคัญระบุว่า การดื่มชานมไข่มุกซึ่งเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนหนุ่มสาวยุคนี้ นำไปสู่ “ภาวะเสพติด” ซึ่งจะมีอาการต่าง ๆ เช่น เกิดความโหยหา, มีความรู้สึกต้องการสิ่งนั้นตลอดเวลา, ไม่สามารถหยุดบริโภคได้ แต่ขณะเดียวกันก็มีความรู้สึกผิด
หากตกอยู่ในภาวะเสพติดขั้นรุนแรง ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคทางจิตเวช เช่น โรคซึมเศร้า, โรควิตกกังวล รวมถึงมีความคิดต้องการฆ่าตัวตาย โดยยิ่งบริโภคมาก ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากที่จะมีปัญหาทางสุขภาพจิต
กรณีศึกษาครั้งนี้เป็นการทำงานของทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยซิงหัวและมหาวิทยาลัยการเงินและเศรษฐศาสตร์กลางแห่งกรุงปักกิ่ง โดยสำรวจข้อมูลจากนักเรียน นักศึกษาจำนวน 5,281 คน อายุระหว่าง 15-24 ปี ที่อยู่ในกรุงปักกิ่งในปี 2565
ผลปรากฏว่าจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของนักศึกษากว่า 5,000 คนนี้ ดื่มชานมไข่มุกสัปดาห์ละ 1 แก้วเป็นอย่างน้อย
ทีมวิจัยได้ใช้มาตรการวัดระดับการ “เสพติด” การดื่มชานม โดยใช้สเกลการวัดค่าที่พัฒนาจากหลักพื้นฐานของคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตฉบับที่ 5 (DSM-5) นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมการสำรวจยังต้องตอบคำถามด้วยว่าพวกเขามีอาการที่เกี่ยวเนื่องกับโรควิตกกังวล, โรคซึมเศร้าหรือมีความคิดต้องการฆ่าตัวตายหรือไม่
ผลจากการวิจัยทำให้ทีมผู้ศึกษาสันนิษฐานว่า คนหนุ่มสาวของยุคนี้นิยมดื่มชานมไข่มุกในลักษณะของการใช้เป็นเครื่องมือช่วยจัดการหรือควบคุมอารมณ์ กล่าวคือเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยคลายเหงาและปลอบประโลมใจ ทว่า ทีมงานเชื่อว่าอาการเสพติดเครื่องดื่มที่มีรสหวานจัดมีผลเสียร้ายแรงและก่อให้เกิดความเสียหายทางใจเทียบเท่าอาการเสพติดโซเชียลมีเดียหรือติดยาเสพติด
ทีมวิจัยยังมีแผนที่จะศึกษาแนวคิดนี้ต่อไปโดยใช้กลุ่มตัวอย่างที่ใหญ่กว่าเดิม มีการติดตามพฤติกรรมการบริโภคในระยะเวลาที่ยาวนานกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเสนอให้มีมาตรการป้องกันปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและใจที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเครื่องดื่มยอดนิยมชนิดนี้ด้วย
ที่มา : nextshark.com, sciencedirect.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES