จากกรณีชาวต่างชาติพาสิงโตนั่งรถเบนท์ลีย์ เปิดประทุน แล้วขับตระเวนในเขตพื้นที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี แล้วมีคนถ่ายคลิปนำไปโพสต์ในโลกออนไลน์ จนเป็นกระแสฮือฮาบนโลกออนไลน์ โดยมีการนัดหมายตรวจเอกสารที่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ตามที่มีข่าวเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24 ม.ค.) น.ส.ปูเป้ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ได้พาเจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจสอบสิงโต ภายในบ้าน โดยมีการเข้าไปตรวจสภาพและตรวจหาไมโครชิพ พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารการครอบครอง ในเบื้องต้น สิงโตมีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง และพบไมโครชิพที่หัวไหล่ด้านขวา โดยใช้เวลาตรวจประมาณ 30 นาที
นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) กล่าวว่า จากการที่ให้นายสัตวแพทย์เข้าไปตรวจสอบไมโครชิพประจำตัวเสือ พบว่าเป็นไมโครชิพที่ถูกต้องตรงกับเอกสารที่สำนักบริหารบ้านโป่ง เป็นสิงโตที่ถูกต้องตามกฎหมาย ส่วนความผิดในข้อหาครอบครองสิงโตซึ่งเป็นสัตว์ป่าควบคุมชนิด ก โดยไม่ได้รับอนุญาต กับการเคลื่อนย้ายกับผู้ที่ครอบครองที่มีชื่อและผู้ที่ครอบครองที่พัทยา ซึ่งต้องไปชี้แจงกับพนักงานสอบสวนเอาว่า เรื่องราวข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
“ส่วนของสิงโตถ้าพูดตามระเบียบแล้ว ผู้ที่ครอบครองอยู่ที่นี่ ยังไม่ได้เป็นเจ้าของสิงโต ถ้าโดยหลักการก็ควรจะส่งสิงโตกลับไปที่ต้นทาง ถ้าหากว่าขั้นตอนกระบวนการตามระเบียบ เพราะหากถูกต้องครบถ้วนแล้ว ก็สามารถนำสิงโตมาได้ แต่ต้องให้สำนักบริหารที่ ศรีราชา จะต้องมาตรวจสอบสถานที่ที่จะให้สิงโตอยู่ก่อน ว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสมตามที่ทางราชการกำหนดไว้หรือไม่” นายก้องเกียรติ กล่าว
เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจบ้านสิงโต เตรียมยื่นเรื่องกล่าวโทษเอาผิดเจ้าของ…
น.ส.ปูเป้ (นามสมมุติ) กล่าวว่า ตนเองทำงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยเพื่อนต่างชาติสนิทกันรู้จักกัน อยากให้หาสิงโตให้ แล้วตนเองก็เป็นคนชอบเลี้ยงสัตว์เหมือนกัน ชอบเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ก็เลยบอกว่ามีเพื่อนขายสิงโต ก็อยากได้สิงโตมาเลี้ยงเหมือนกัน เขาเลยบอกว่าเดี๋ยวฉันซื้อให้เป็นของขวัญ โดยเลี้ยงตั้งแต่เล็ก ส่วนที่เอาสิงโตไปนั่งรถตามภาพนั้น เนื่องจากวันนั้นได้วานให้เพื่อนต่างชาติพาสิงโตไปหาหมอ เพื่อนจึงพาสิงโตไปหาหมอในวันนั้น แต่ไม่คิดว่าเขาจะเอาไปใส่รถเปิดประทุนแบบนั้น เราก็ด่าเขาไปเหมือนกันว่าเราจะเดือดร้อนเพราะกำลังทำเรื่องขอเอกสาร ซึ่งดำเนินการไปสองรอบแล้วที่ชลบุรี แต่ทางชลบุรีแจ้งว่าเอกสารไม่สมบูรณ์ เพราะว่าฟาร์มใส่เพศสิงโตผิด จึงต้องส่งเอกสารกลับไปเปลี่ยนเอกสารมาใหม่ แต่เอกสารมาใหม่ก็ไม่สมบูรณ์อีก จึงส่งกลับไปอีกรอบจนมีข่าวออกมาโด่งดัง แต่คือว่าตอนนี้เอกสารสมบูรณ์แล้ว เราก็น่าจะได้ใบอนุญาตเร็วๆ นี้
หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัว น.ส.ปูเป้ ไปดำเนินการแจ้งข้อหาครอบครอง มาตรา 90 ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ชนิด ซากที่ประกาศกำหนดต้องแจ้งการครอบครอง จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท/ทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 91 ไม่ปฏิบัติตามระเบียบระเบียบตามมาตรา 19 วรรคสอง จำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท/ทั้งจำทั้งปรับ
