ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ตำรวจประจำเมืองเดลฟท์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ได้รับแจ้งจากร้านอาหารแห่งหนึ่งว่ามีลูกค้าชายที่เข้ามารับประทานอาหารแล้วพยายามจะแอบหนีออกไปโดยไม่จ่ายเงินโดยแกล้งทำเป็นป่วย 

ไมค์ โฮเกวีน บาร์เทนเดอร์ของร้านอาหารที่ไม่ระบุชื่อแห่งหนึ่งให้ข้อมูลว่า เขารู้สึกผิดสังเกตกับผู้ต้องสงสัยชายรายนี้ ตั้งแต่อีกฝ่ายเริ่มเลี้ยงอาหารลูกค้าคนอื่น ๆ และเสนอให้คนอื่นร่วมรับประทานอาหารที่เขาสั่งมา จากนั้นเขาก็ตกเป็นเป้าสนใจของคนทั้งร้าน เมื่อแขนซ้ายของเขามีอาการสั่นอย่างรุนแรงเหมือนคนที่มีอาการหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน 

ทางร้านได้แจ้งหน่วยกู้ชีพฉุกเฉินเข้ามาให้ความช่วยเหลือ แต่หลังจากตรวจสอบแล้ว พวกเขากลับพบว่าลูกค้าชายสูงวัยรายนี้ได้แกล้งทำเป็นป่วย และไม่ยอมนำตัวเขาส่งโรงพยาบาลตามคำขอร้องของเจ้าตัว

เมื่อเจ้าของร้านอาหารทราบเรื่อง เขาจึงขอให้ลูกค้าชายวัย 58 ปีรายนี้จ่ายเงินค่าอาหารที่เขาสั่งไป แต่เขากลับแสดงอาการป่วยอีกครั้งและขอจ่ายเงินในภายหลัง เจ้าของร้านจึงตอบตกลง แต่ระหว่างที่เขากำลังบอกชื่อและที่อยู่ให้เจ้าของร้านนั้นเอง เจ้าหน้าที่ของทีมกู้ชีพก็พูดแทรกเข้ามาว่าลุงสุดแสบรายนี้เพิ่งจะบอกชื่อและที่อยู่ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงให้พวกเขาไปเมื่อสักครู่ 

โฮเกวีน ชี้ว่าลูกค้าชายรายนี้คิดว่าตัวเองจะรอดจากการจ่ายเงินค่าอาหารจำนวน 108 ยูโร (ราว 4,141 บาท) โดยทำเป็นแกล้งป่วย

จากนั้น เจ้าหน้าที่ทีมกู้ชีพได้แนะนำให้เจ้าของร้านแจ้งตำรวจ ซึ่งหลังจากค้นกระเป๋าของชายผู้ต้องสงสัยที่สถานีตำรวจเพื่อหาหลักฐานระบุตัวตน ก็พบว่าเขาคือ “นักกินแล้วหนี” ที่เป็นที่รู้จักกันดีในแวดวงร้านอาหาร 

ผู้ต้องสงสัยรายนี้มีพฤติกรรมป่วนร้านอาหารในท้องที่มานานหลายปีแล้ว และสามารถนับจำนวนครั้งที่เขาเข้าไปรับประทานอาหารแล้วแอบหนีออกมาโดยไม่จ่ายเงินได้ไม่ต่ำกว่า 127 ครั้ง และทั้ง ๆ ที่เขาโดนกลุ่มร้านอาหารรวมตัวกันฟ้องร้องอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังไม่ยอมหยุดพฤติกรรมดังกล่าว

ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าลุงนักกินสุดแสบรายนี้ยังคงโดนควบคุมตัวอยู่ในห้องขังหรือไม่ หรือมีการบังคับให้เขาจ่ายเงินที่ค้างชำระร้านอาหารหลายแห่งในเมืองเดลฟท์ไปแล้วหรือยัง และเนื่องจากเนเธอร์แลนด์มีกฎหมายรักษาความเป็นส่วนตัว บรรดาเจ้าของร้านอาหารที่เคยโดนเขาโกงไปจึงไม่สามารถล่วงรู้ข้อมูลส่วนตัว ตลอดจนรูปร่างหน้าตาของผู้ต้องสงสัยรายนี้ ทำให้พวกเขาไม่สามารถคอยจับตาดูผู้ต้องสงสัยได้ถูกตัว

ที่มา : odditycentral.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES