นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) มีมติเห็นชอบให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสนับสนุนผู้ใช้น้ำมันในกลุ่มเบนซินลิตรละ 1 บาท เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน หลังสิ้นสุดมาตรการลดการจัดเก็บภาษีกรมสรรพสามิตน้ำมันกลุ่มเบนซิน 1 บาท วันที่ 31 ม.ค. 67 ของกระทรวงการคลัง เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังมีความผันผวน โดยราคาน้ำมันเบนซินวันที่ 1-30 ม.ค. 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 95.72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล  

“มาตรการนี้ เป็นการปฏิบัติภารกิจให้เป็นไปตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ในการรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนในสถานการณ์ที่ราคาพลังงานยังมีความผันผวน ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสุทธิ ณ วันที่ 28 ม.ค. 67 ติดลบ 84,349 ล้านบาท”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาอุดหนุนราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ลิตรละ 1 บาทครั้งนี้ ส่งผลให้กองทุนฯ รายได้ลดลงวันละประมาณ 31.86 ล้านบาท จากเดิมได้รายได้ในกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์เข้ากองทุนฯ วันละ 72.78 ล้านบาท เหลือ 40.92 ล้านบาท เหลือเสียรายได้เดือนละประมาณ 956 ล้านบาท ส่วนราคาน้ำมันขายปลีกในกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ จะเป็นอย่างไร ต้องขึ้นอยู่กับราคาตลาดโลกเป็นหลัก แต่จะไม่ขึ้นอย่างก้าวกระโดด เช่น ขึ้นครั้งละ 1 บาทต่อลิตรอย่างแน่นอน เนื่องจากได้ใช้กลไกกองทุนฯ เข้ามาอุดหนุนในส่วนของภาษีสรรพสามิตที่หายไปแล้ว โดยวันที่ 31 ม.ค. 67 จะยังไม่มีการประกาศขึ้นราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ซึ่งที่ผ่านมาเดือน ม.ค. เพียงเดือนเดียว ได้มีการปรับขึ้นราคาแล้ว 7 ครั้ง ปรับลดเพียง 1 ครั้งเท่านั้น