เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เมืองทองธานี พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.คธาธร คำเที่ยง รอง ผบก.ตม.3 พ.ต.อ.กีรติศักดิ์ ก้องเกียรติศิริ รอง ผบก.ตม.5 รรท.รอง ผบก.ตม.1 และ พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการจับกุมคดีที่น่าสนใจจำนวน 3 คดี

พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. กล่าวว่า ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. สกัดกั้นตรวจสอบระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด ซึ่งมีผลจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ 3 คดี

คดีแรก บก.สส.สตม. จับกุมนายไทเลอร์ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี สัญชาติอังกฤษ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.21/2567 ลงวันที่ 12 มกราคม 2567 ความผิดฐาน พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุสมควรเพื่อการอนาจาร

สืบเนื่องจากในระหว่างปี พ.ศ. 2557-2558 นายไทเลอร์ ผู้ต้องหาได้เดินทางเข้ามาอยู่ในประเทศไทย และได้ไปเป็นครูสอนหนังสือในโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต ในระหว่างที่เป็นครูนั้น นายไทเลอร์ได้ก่อเหตุพาเด็กนักเรียนหญิงต่างชาติ อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นนักเรียนในโรงเรียนนานาชาติแห่งนั้น ไปกระทำอนาจารที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใน ต.ฉลอง อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต จำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2557 ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558 เมื่อผู้ปกครองของเด็กหญิงและทางโรงเรียนทราบเรื่อง ทางโรงเรียนจึงได้สอบสวนและได้ยกเลิกสัญญาจ้างการเป็นครูของนายไทเลอร์ ส่วนการแจ้งความดำเนินคดีทางผู้ปกครองของเด็กหญิง ขอให้บุตรสาวของตนได้เรียนหนังสือในประเทศไทยให้จบก่อน เมื่อบุตรสาวเรียนจบ ผู้ปกครองจึงได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายไทเลอร์ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานต่าง ๆ ขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ต ออกหมายจับนายไทเลอร์

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สส.สตม. ได้สืบสวนติดตามจับกุมนายไทเลอร์ จนทราบว่าหลังจากก่อเหตุ นายไทเลอร์ได้ไปพักอาศัยอยู่กับภรรยาซึ่งเป็นหญิงไทยที่บ้านหลังหนึ่งในย่าน ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่จนพบตัวนายไทเลอร์ และยอมรับว่าก่อเหตุจริง เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 กก.สส.บก.ตม.3 ร่วมกับ ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ และ สภ.ห้วยยาง จับกุม นายประยน (นามสมมุติ) อายุ 30 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ จ.8/2567 ลงวันที่ 15 มกราคม 2567 ความผิดฐาน “ช่วยเหลือช่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม” โดยจับกุมได้บริเวณหน้าบ้าน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 20.00 น. ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ได้สนธิกำลังจับกุม นายสุริน (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี สัญชาติไทย ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพันจากการจับกุม” และจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติบังกลาเทศ จำนวน 30 คน ในความผิดฐาน “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” พร้อมยึดรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูชุ ดีแมคซ์ สีขาว ต่อเติมหลังคาขนส่งตู้ทึบ จำนวน 1 คัน นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ต่อมาจากการที่ กก.3 บก.สส.สตม. ได้ร่วมกับ ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ทำการสืบสวนขยายผลขบวนการเครือข่ายที่เกี่ยวข้องพบว่า นายประยน มีส่วนร่วมในขบวนการขนคนต่างด้าวข้ามแดนในคดีดังกล่าว โดยทำหน้าที่เป็นผู้สั่งการ พนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จว.ประจวบคีรีขันธ์ จึงได้ขออนุมัติต่อศาลจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ออกหมายจับนายประยน ในความผิดฐาน “ช่วยเหลือซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายเพื่อให้คนต่างด้าวรอดพ้นจากการจับกุม”

จากนั้น กก.สส.บก.ตม.3 ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายประยน ได้ไปพักอาศัยอยู่ในเขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จึงได้เฝ้าติดตามพฤติการณ์ จนกระทั่งพบนายประยน ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านพัก จึงเข้าแสดงตัวทำการจับกุม จากการสืบสวนขยายผลพบแชตการพูดคุยในเรื่องจำนวนคนต่างด้าวและเส้นทางการขนคนต่างด้าว โดยนายประยน รับว่า ในช่วงแรกตนได้เปิดบริษัทขนส่ง มีรถกระบะขนส่ง (ตู้ทึบ) เพื่อวิ่งส่งของ แต่ภายหลังเห็นว่าถ้ามารับวิ่งงานสีเทาจะได้ค่าจ้างมากกว่าวิ่งส่งของมาก จึงหันมารับงานขนคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ซึ่งจะได้ค่าจ้างรายละประมาณ 2,500 บาท โดยเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว ตนเองจะได้รับอยู่ที่ประมาณหัวละ 1,500 บาท โดยในคดีที่ถูกจับครั้งนี้ ได้ส่งต่องานให้นายสุริน เป็นผู้ขับรถขนส่งคนต่างด้าว จนถูกจับกุมเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา และรถยนต์กระบะ อีซูชุ ดีแมคซ์ สีขาว ที่ถูกตรวจยึดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2567 ผู้ครอบครองเป็นญาติของตนเอง โดยก่อนหน้านี้ตนเองเคยถูกจับในความผิดมียาเสพติดอยู่ภายในรถขนส่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.3 จึงนำตัว นายประยน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยยาง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีสุดท้าย กก.สืบสวน บก.ตม.1 จับกุมนายอัดนัน (นามสมมุติ) อายุ 43 ปี สัญชาติซีเรีย และนางสาวซาบีร์ (นามสมมุติ) อายุ 35 ปี สัญชาติอียิปต์ โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยจับได้บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.บก.ตม.1 ได้รับข้อมูลจากสายข่าวในพื้นที่ว่าที่ บริเวณโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ มีคนต่างด้าวคล้ายชาวอาหรับ มักจะเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เมื่อไปถึงได้ทำการเฝ้าสังเกตการณ์จนกระทั่งพบบุคคลเป้าหมายเข้าพักที่ห้องของโรงแรมดังกล่าว จึงได้ติดต่อผู้จัดการโรงแรมขอเข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเคาะห้อง นางสาวซาบีร์ (นามสมมุติ) ได้เปิดประตูเมื่อพบเจ้าหน้าที่ มีอาการตกใจและพยายามจะหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัว และขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง ในเบื้องต้นนางสาวซาบีร์ไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทางให้เจ้าหน้าที่ดูได้ แต่จากการตรวจสอบกล่องพัสดุภายในห้องจึงทราบชื่อนางสาวซาบีร์ และเมื่อตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่าการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนางสาวซาบีร์ สิ้นสุดแล้วเป็นเวลา 1,526 วัน ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่อีกชุดหนึ่งที่อยู่ด้านล่างโรงแรม สังเกตเห็นชายลักษณะคล้ายชาวอาหรับมายืนสังเกตการณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่ มีท่าทีพิรุธ จึงได้ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางผลการตรวจสอบพบว่าชายคนดังกล่าวคือนายอัดนัน (นามสมมุติ) ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรสิ้นสุดแล้ว เป็นเวลา 2,451 วัน

นอกจากนี้จากการสืบสวนเชิงลึก ยังพบว่านายอัดนัน คือบุคคลซึ่งเคยถูกจับกุมในคดีที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และค้าประเวณีหญิงสาวชาว Morocco โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษเมื่อปี พ.ศ. 2560 และยังเป็นบุคคลที่เคยถูกออกหมายจับในคดีร่วมกันชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน และคดีทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ ในพื้นที่นานาและสุขุมวิท รวมหลายคดี ซึ่งคดีดังกล่าวบางคดีอยู่ในระหว่างรอนัดสืบพยานจากศาล อย่างไรก็ตาม ตรวจสอบในเบื้องต้นไม่พบว่านายอัดนันได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตราเพื่อต่อสู้คดีแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ทั้งสองคนว่าเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด และควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมพบข้อมูลการติดต่อกันระหว่างนายอัดนันกับนางสาวซาบีร์ รวมถึงหญิงชาวไทยอีกรายหนึ่ง เชื่อว่าทั้งหมดมีความเชื่อมโยง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ขยายผลต่อไปว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายเป็นความผิดในฐานอื่น ๆ อีกหรือไม่ต่อไป