นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม (วธ.) กล่าวว่า งาน “Thailand Biennale Chiangrai 2023” ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 ธ.ค. 66-30 เม.ย. 67 เป็นอีกหนึ่งโครงการสำคัญที่จะช่วยเปิดโลกศิลปวัฒนธรรมของประเทศไทยให้ชาวโลกได้รับรู้ และส่งเสริมให้ จ.เชียงรายก้าวสู่นิเวศของการเป็นเมืองศิลปะระดับโลก ซึ่งนอกจากนิทรรศการหลักของศิลปินทั้ง 60 คน และ 13 พาวิลเลียนแล้ว ยังมีการนำเสนอผลงานศิลปะในลักษณะ Collateral Event จัดแสดงคู่ขนานเกิดขึ้นอีกหลายแห่งใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะงานศิลปะบนนาข้าว (Tanbo Art) ในคอนเซปต์ “ในน้ำมีปลา ในนามีแมว” ที่โด่งดังในกระแสโซเชียล สร้างความสนใจให้สื่อต่างประเทศนำไปเผยแพร่ เชิญชวนให้มาท่องเที่ยว เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของไทย ซึ่งอยู่ใกล้กับ “ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน” พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการหลักของ “Thailand Biennale Chiangrai 2023” อีกแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย ด้วย

รมว.วัฒนธรรม กล่าวต่อไปว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีแมว” เป็นไอเดียที่น่าชื่นชมของธันยพงศ์ ใจคำ เจ้าของ “เกี้ยวตะวัน ธัญฟาร์ม” ใน อ.เทิง จ.เชียงราย ที่ทำงานร่วมกับศิลปินนักออกแบบชาวเชียงราย นักปราชญ์ อุทธโยธา และทีมงานอีกกว่า 200 คน โดยนำงานวิจัยพันธุ์ข้าวสรรพสีจากโครงการเพื่อทำวิจัยร่วมกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ทั้งหมด 7 สายพันธุ์ มีสายพันธุ์ดั้งเดิม 2 สายพันธุ์ และอีก 5 สายพันธุ์ ที่พัฒนาขึ้นจากการวิจัย เป็นการผสมผสานงานวัฒนธรรมการปลูกข้าว เข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนกลายเป็นงานศิลปะที่โดดเด่นด้วย สีสันของพันธุ์ข้าวสีรุ้ง ที่มีหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่สีม่วงเข้มไปจนถึงสีเหลืองอ่อน ซึ่งขณะนี้ข้าวสรรพสีพากันออกรวงสีทองสวยงาม ต้อนรับการมาเยือนของนักเที่ยว โดยคาดว่าจะเก็บเกี่ยวได้ในช่วงระยะเวลา 145 วัน หลังการเพาะปลูกเมื่อวันที่ 15 ต.ค. 2566 ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงเสร็จสิ้นงาน “Thailand Biennale Chiangrai 2023” ในช่วงเดือน เม.ย. 2567

ด้าน น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม (ฝ่ายการเมือง) กล่าวว่า วธ. กำลังเร่งผลักดัน Soft Power ศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างต่อเนื่องใน “งานมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ ครั้งที่ 4 Thailand Biennale 2025” ซึ่ง จ.ภูเก็ต จะเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน โดยเฉพาะการนำเอา Soft Power ที่มีพลังในความเป็นไทย และความภาคภูมิใจของภูเก็ต ส่งผ่านงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย เชื่อมไทย เชื่อมโลก ก้าวไปสู่การเป็นจุดหมายสำคัญของการจัดแสดงงานศิลปะนานาชาติระดับโลกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต รวมทั้งการนำงานศิลปะร่วมสมัยทั้ง 9 สาขา มาขับเคลื่อน Soft Power อาทิ ส่งเสริมให้เกิด 1 ครอบครัว 1 ทักษะ Soft power การผลักดัน Bangkok เมืองแฟชั่น และการส่งเสริมการท่องเที่ยวชุมชนเชิงวัฒนธรรม