นายสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานองค์กร ธุรกิจโมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนต่อจากนี้ จะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี  แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จะประสบความสำเร็จในตลาดได้ต้อง เป็นสมาร์ทโฟนที่ใส่เทคโนโลยีและฟีเจอร์ใหม่ๆ มาในเครื่องด้วย เนื่องจากผู้บริโภคจะให้ความสำคัญ ในการตัดสินใจซื้อและใช้งาน ซึ่งหลังจากซัมซุงได้เปิดตัว แกแลคซี่ เอส 24 ซีรี่ย์ ซึ่งเป็นเอไอ โฟน ในไทยก็ได้รับการตอบรับอย่างดีมียอดสั่งจองล่วงหน้าเติบโตกว่า 200% เมื่อเทียบกับ แกแลคซี่ เอส 23 ซีรี่ย์ ซึ่งสูงสุดเป็นอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย และ 1 ใน 4 ของยอดจองนั้นมาจากแบรนด์คู่แข่ง

“การประสบความสำเร็จมาจากนำเทคโนโลยยีเอไอมาใช้ ทำให้ผู้บริโภคตื่นตัว เพราะปัจจุบันเอไอ ได้นำมาใช้ในชีวิต ประจำวันของคน โดยคาดการณ์ว่าตลาดเจน เอไอ ของประเทศไทยจะมีอัตราการเติบโต 23 %  มีมูลค่าประมาณ 3 หมื่นล้านบาทในปี 73 และคนไทย ประมาณ 35% มีแนวโน้มจะใช้เอไอทั้งในชีวิตส่วนตัวและใช้เพื่อการทำงาน”

นายสิทธิโชค กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดสมาร์ทโฟนในไทยปี 66 ที่ผ่านมา อยู่ที่ 10.7 ล้านเครื่อง  โดยมีสัดส่วนกลุ่มพรีเมียม และกลุ่มตลาดกลางและล่างใกล้เคียงกัน ส่วนในปี 67 นี้ คาดว่าตลาดจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาหรือประมาณ 10.7 ล้านเครื่อง  แต่สัดส่วนกลุ่มพรีเมียมคาดว่าจะมีสัดส่วนแซงหน้าตลาดกลุ่ม ระดับกลางและล่าง ที่มีราคาต่ำกว่า 2 หมื่นบาทลงมา  เนื่องจาก กลุ่มคนที่มีกำลัง ซื้อสูงยังจับจ่าย ขอเพียงมีสมาร์ทโฟนที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาด ในขณะที่ กลุ่มคนระดับกลางและล่าง ได้รับผลกระทบจากในช่วงโควิด ทำให้มีรายได้ลดลง ทำให้มีข้อจำกัดในการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่

“ ภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่กลับมาเหมือนเดิมคาดว่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี  ตลาดมือถือในปีนี้จึงยังทรงตัว แต่สมาร์ทรุ่นใหม่ๆ ที่มีเทคโนโลยีจะยังขายได้ ซึ่งปีนี้คาดว่าตลาดลาดพรีเมียมจะโตเพิ่มขึ้น แม้จะมีราคาขายที่แพงขึ้นประมาณ 8% เนื่องจากต้นทุนที่แพงขึ้น ขณะที่ซัมซุงก็มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นทุกปี โดยปัจจุบันผู้ใช้งานซัมซุงในไทยประมาณ 85% เป็นกลุ่มระดับกลางและล่าง และอีก 15% เป็นกลุ่มพรีเมียม”