สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ว่าศาลแขวงกรุงโซลกลางมีคำพิพากษา ว่าการควบรวมกิจการระหว่างบริษัทซัมซุง ซีแอนด์ที คอร์ปอเรชัน กับบริษัท เชอิล อินดัสทรีส์ เมื่อปี 2558 ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการขึ้นสู่ตำแหน่งสุงสุดในการบริหารอาณาจักรซัมซุงของนายอี แจ-ยอง ซึ่งปัจจุบันอยู่ในตำแหน่ง ประธานบริหารของบริษัทซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์


ขณะเดียวกัน “ไม่มีหลักฐานที่มีน้ำหนัก” ว่าการควบรวมกิจการระหว่างบริษัททั้งสองแห่งดังกล่าว เมื่อปี 2558 ทำให้บรรดาผู้ถือหุ้นของซัมซุง ซีแอนด์ที คอร์ปอเรชัน และ เชอิล อินดัสทรีส์ ได้รับความเสียหายทางการเงิน


นอกจากนี้ ศาลยังตัดสินว่า จำเลยไม่มีความผิดในข้อหาเกี่ยวกับการปั่นหุ้นบริษัท ซัมซุง ไบโอโลจิกส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของเชอิล อินดัสทรีส์ ขณะที่จำเลยร่วมอีกประมาณ 10 คน ได้รับการพิพากษายกฟ้องในข้อหาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ


ด้านนายอี แจ-ยอง ซึ่งเดินทางมารับฟังคำพิพากษาด้วยตัวเอง กล่าวขอบคุณ “การตัดสินอย่างชาญฉลาด” ของศาล “ที่ไม่อยู่ภายใต้อิทธิพลของการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จากการควบรวมกิจการที่เกิดขึ้น”


ส่วนฝ่ายอัยการยังไม่มีความเห็นอย่างเป็นทางการ แต่มีเวลา 1 สัปดาห์ในการยื่นอุทธรณ์ โดยพนักงานสอบสวนเรียกร้องศาลตัดสินบทลงโทษจำคุก 5 ปี แก่นายอี แจ-ยอง พร้อมทั้งให้จำเลยชำระค่าเสียหาย 500 ล้านวอน (ราว 13.3 ล้านบาท) เนื่องจากเป็นบุคคล “ซึ่งต้องรับผิดชอบมากที่สุด” ในเรื่องนี้


อนึ่ง นายอี แจ-ยอง เคยรับโทษอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 18 เดือน จากข้อหาฉ้อโกงและติดสินบน ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงการร่วงลงจากตำแหน่งของประธานาธิบดีปาร์ค กึน-เฮ ผู้นำหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ เมื่อปี 2560 อย่างไรก็ตาม นายอี แจ-ยอง ได้รับการปล่อยตัวภายใต้เงื่อนไขทัณฑ์บน เมื่อปี 2564 หลังรับโทษไปได้ครึ่งหนึ่ง และประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ผู้นำเกาหลีใต้ในเวลานั้น อภัยโทษบทลงโทษส่วนที่เหลือให้ ในอีกหนึ่งปีต่อมา.

เครดิตภาพ : AFP