สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ว่า บริษัทแมคโดนัลด์ เครือร้านฟาสต์ฟู้ดรายใหญ่ของโลกจากสหรัฐ รายงานยอดขายทั่วโลก ขยายตัว 3.4% ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว ถือว่าลดลงมากเมื่อเทียบกับยอดขายที่ขยายตัว 8.8% เมื่อไตรมาสที่สาม และยังเป็นสถิติซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยรายปีของบริษัทด้วย


ขณะที่ผลกำไรของไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 71,180 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7% ส่วนรายได้เพิ่มขึ้น 8% อยู่ที่ 6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 227,776 ล้านบาท)


ทั้งนี้ ตลาดหลักซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดสำหรับแมคโดนัลด์ ยังคงเป็นสหรัฐ ด้านตลาดต่างประเทศในภาพรวมยังคงมีผลประกอบการที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแคนาดา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี แต่ยอดขายในฝรั่งเศสลดลงเล็กน้อย


อย่างไรก็ตาม รายงานของแมคโดนัลด์ระบุด้วยว่า กำลังจับตาทิศทางในตะวันออกกลาง ซึ่งมีสาขาคิดเป็นสัดส่วน 5% “อย่างใกล้ชิด” เนื่องจากตราบใดที่สงครามและความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อ ยอดขายและรายได้ของบริษัทจะยังคงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สื่อถึงกระแสต่อต้านและบอยคอต ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ในฉนวนกาซา.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES