เมื่อวันที่ 26 ก.ย. นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จ.นครราชสีมา พร้อมตรวจที่สันเขื่อนลำเชียงไกรและกำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ดูแลช่วยเหลือพี่น้องประชาชนพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันพบว่าจุดที่กำลังก่อสร้างสปิลล์เวย์บริเวณสันเขื่อนจุดติดอยู่กับงานก่อสร้าง เครื่องขุดปกติจะทำคันกั้นน้ำอ้อมไว้ด้านหน้าเขื่อนพบว่าน้ำทะลักคันกั้นน้ำเข้ามา ส่งผลให้สันเขื่อนจุดติดกับงานก่อสร้างพังทลายทำให้น้ำไหลลงสู่ด้านล่างเร็วขึ้นจนส่งผลกระทบพื้นที่ใต้เขื่อนลำเชียงไกรปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในพื้นที่ด้านล่าง

ร้อยตรี ฐนนท์ธรณ์ กวีกิจรัตนา นายกเทศมนตรีตำบลบัลลังก์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในเขื่อนมีมากกว่า 152 เปอร์เซ็นต์ เบื้องต้นทราบว่ามีปริมาณน้ำเข้าออก 50 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ระบายออกได้เพียง 20 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร กรณีจุดที่อยู่ระหว่างก่อสร้างทางระบายน้ำที่สันเขื่อนมีการชำรุดจะทำให้ปริมาณน้ำไหลลงด้านล่างมากขึ้น ได้มีการแจ้งให้พี่น้องประชาชนทราบและเฝ้าระวังไปก่อนหน้าแล้วโดยใช้รถเทศบาลประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำลำเชียงไกรขนย้ายขนของขึ้นที่สูงเพื่อเตรียมรับมือแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้ประชาชนในพื้นที่ 6 ตำบล ในอำเภอโนนไทย และพื้นที่ที่รับน้ำจากลุ่มน้ำลำเชียงไกรในช่วงนี้ให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษเพราะจะมีน้ำจากลำเชียงไกรไหลลงสู่พื้นที่ด้านล่างมากขึ้น อาจจะส่งผลกระทบพี่น้องต้นน้ำลำเชียงไกรเป็นบริเวณกว้างมากขึ้น

ด้านนายกิติคุณ เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา กล่าวว่า กรณีที่กำลังก่อสร้างต้องเปิดทางระบายน้ำอยู่แล้ว จากกรณีดังกล่าวเหมือนเป็นการเปิดช่องระบายน้ำเพื่อระบายน้ำออกจากอ่างเพื่อป้องกันน้ำล้นสันเขื่อน อ่างน้ำบนสันเขื่อนจะไม่สามารถควบคุมได้ น้ำจะไหลไปทั่วพื้นที่ทางการเกษตรสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้และต้องควบคุมน้ำให้สมดุล ขณะนี้ปริมาณน้ำเข้าอ่างมีมากกว่าปริมาณน้ำออก และเพื่อเป็นการป้องกันจึงต้องประกาศให้ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่ท้ายอ่างและพื้นที่ใกล้เคียงเร่งขนของขึ้นที่สูงและเตรียมตัวอพยพ เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายและความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตและทรัพย์สิน