นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ข้าวไทยในปี 67 คาดว่าจะเผชิญปัญหามากกว่าปีที่แล้ว หลังจากปีที่ผ่านมาทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐจึงห้ามวางใจ และควรหาทางรับมือ โดยในปี 67 สมาคมประเมินว่าไทยจะส่งออกที่ 7.5 ล้านตัน ลดลงกว่า 1 ล้านตัน จากปีก่อนที่ 8.76 ล้านตัน และมูลค่าจากลดลงจากปีก่อน 1.78 แสนล้านบาท เหลือ 1.5 แสนล้านบาท
ทั้งนี้ ในปี 67 มีปัจจัยที่กระทบต่อข้าวไทยอยู่ 5 เรื่องสำคัญ และอยากให้รัฐเข้ามาดูแลได้แก่ 1.ความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยน ต้องมีเสถียรภาพ เพราะมีผลต่อการกำหนดราคาขาย 2.การเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันของไทย ที่ขณะนี้ไทยเป็นรองทั้งปริมาณผลผลิต สามารถผลิตได้เพียงไร่ละ 450 กิโลกรัม ตามหลังเวียดนามที่มีผลผลิตได้มากกว่าไร่ละ 900 กิโลกรัม และยังขาดสายพันธุ์ใหม่ๆ เข้ามาแข่งขันในตลาด เช่น ข้าวพื้นนุ่ม
3.นโยบายแข่งขันด้านราคา ซึ่งไทยมีราคาและต้นทุนสูงกว่าคู่แข่งไม่ว่าจะเป็นอินเดีย เวียดนาม หรือแม้แต่ปากีสถาน ตลอดจนต้องดูแลเรื่องค่าขนส่ง จากค่าระวางเรือที่กำลังปรับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว 4.นโยบายการกลับมาส่งออกข้าวของประเทศอินเดีย ซึ่งคาดว่าในปีนี้จะมีการผ่อนคลาย กลับมาส่งออกได้อีกครั้ง และ 5.ผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่จะกระทบต่อการผลิตเข้าไทยให้ลดน้อยลง

“ในปี 67 การส่งออกข้าวไทยมีโอกาส ที่จะถูกเวียดนามแซงหน้าได้ เพราะเริ่มเห็นตัวเลขการส่งออกข้าว เวียดนาม เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จากปกติการส่งออกจะเฉลี่ยเพียง 6 ล้านตันต่อปี แต่มาปี 66 เวียดนามส่งออกได้ถึง 8.1 ล้านตัน และต้นปี 67 ก็เริ่มเห็นสัญญาณไม่ดี โดยการเปิดประมูลนำเข้าข้าวของอินโดนีเซีย เมื่อปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ปริมาณ 5 แสนนั้น เวียดนาม ชนะประมูลไปกว่า 4 แสนตัน ที่เหลือเป็นของปากีสถาน และเมียนมา โดยที่ไทย ไม่สามารถประมูลได้เลย เนื่องจากราคาข้าวสูงกว่าคู่แข่งถึง 40 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันภาครัฐควรปรับแนวมางการทำตลาดข้าวเพราะการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ สมัยนี้เกิดได้ยากมากขึ้น เพราะแต่ละประเทศปรับเปลี่ยนการซื้อข้าว โดยใช้เอกชน เป็นผู้นำเข้าแทน“
ร้อยตำรวจโท เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า แนวโน้มราคาข้าวเปลือกในปีนี้ คาดว่าจะลดลงจากปีก่อนแน่ ซึ่งเป็นไปตามสถานการณ์การส่งออกโดย ปี 66 ที่ผ่านมา เคยเห็นข้าวเปลือกขาวขึ้นไปถึงตันละ 12,000 บาท แต่ปีนี้ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น แต่เชื่อว่าจะทรงตัวไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ชาวนารับได้ เพราะเทียบกับต้นทุนการผลิตจะอยู่แค่ 4-5 พันบาทต่อตัน
”สถานการณ์ราคาข้าวไทย จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทั้งการผลิต การส่งออก ไตรมาสแรกปีนี้ยังน่าจะดีอยู่มียอดเฉลี่ย 800,000 ตันต่อเดือน เนื่องจากมีออเดอร์ค้างส่งมาจากปีก่อน แต่ห่วงว่าตั้งแต่ไตรมาสสองยังไม่รู้จะเป็นอย่างไร หลังจากไทยไม่สามารถประมูลขายข้าวให้อินโดนีเซียได้เลย“