สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ว่า จากเนื้อหาตอนหนึ่งในบทสัมภาษณ์พิเศษกับ เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล นางกมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่าเธอ “พร้อมทำหน้าที่ผู้นำ” และยืนยันว่า ทุกฝ่ายทราบดีเกี่ยวกับ “ศักยภาพของเธอ” ที่ตอนนี้ดำรงตำแหน่งรองผู้นำสหรัฐ โดยสร้างประวัติศาสตร์เป็นสตรีคนแรก และมีเชื้อสายเอเชียใต้ด้วย
“I am ready to serve.” Kamala Harris cited her “capacity to lead” before a special counsel report amplifying concerns about President Biden’s age (clarifies an earlier post, which has been deleted, to say her remarks came before the report’s release) https://t.co/p845AOKq8y
— The Wall Street Journal (@WSJ) February 12, 2024
อนึ่ง การสัมภาษณ์เกิดขึ้นก่อน แต่ได้รับการเผยแพร่ในช่วงที่สังคมอเมริกันตั้งคำถามมากขึ้น เกี่ยวกับภาวะความเป็นผู้นำของแฮร์ริส วัย 59 ปี ซึ่งอยู่ในอันดับแรกของการสืบทอดอำนาจประธานาธิบดี จากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เผชิญกับแรงเสียดทานอย่างต่อเนื่องจากหลายฝ่าย ในเรื่องของอายุที่มากถึง 81 ปี “ซึ่งมีผลต่อความทรงจำ” ของผู้นำสหรัฐ ตามถ้อยคำที่ปรากฏอยู่ในรายงานของนายโรเบิร์ต เฮอร์ อัยการพิเศษ
The comments made in the Hur report were gratuitous, inaccurate, and inappropriate.
— Kamala Harris (@KamalaHarris) February 12, 2024
It was clearly politically motivated. pic.twitter.com/fwyq4mTwAk
ทั้งนี้ เฮอร์กล่าวในรายงานว่า แม้ไบเดนครอบครองเอกสารลับจริง หลังหมดวาระรองประธานาธิบดี ในสมัยรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา แต่ “หลักฐานเหล่านั้นไม่อาจใช้ชี้วัดได้ว่า ไบเดนกระทำความผิด” และจะไม่มีการดำเนินคดีแบบใดก็ตามกับผู้นำสหรัฐ เนื่องจากมีความวิตกกังวลต่อสมรรถภาพทางจิตใจ หรือทักษะทางจิตใจของไบเดน ซึ่ง “จำไม่ได้” ในหลายเรื่อง
ด้านไบเดนโต้กลับอัยการพิเศษ ยืนยันว่า “ความจำยังดีอยู่” แต่ผู้นำสหรัฐปฏิเสธชี้แจงกับสื่อมวลชน ซึ่งซักถามเกี่ยวกับ “การจำสับสน” ครั้งล่าสุด ระหว่างอดีตผู้นำเยอรมนีสองคน คือนายเฮลมุต โคห์ล และนางอังเกลา แมร์เคิล ยิ่งไปกว่านั้น ระหว่างการแถลงตอบโต้เฮอร์ ไบเดนยังกล่าวสลับกัน ว่าประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ เป็นผู้นำอียิปต์ และประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซิซี คือผู้นำเม็กซิโก.
เครดิตภาพ : AFP