สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติของสหราชอาณาจักร รายงานผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หดตัว 0.3% เมื่อช่วงไตรมาสที่สี่ของปี 2566 หรือระหว่างเดือน ต.ค.-ธ.ค. ที่ผ่านมา ส่วนสถิติเมื่อไตรมาสก่อนหน้า คือไตรมาสที่สาม เป็นการหดตัว 0.1%


ทั้งนี้ การที่จีดีพีหดตัวติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส มีความหมายในทางทฤษฎีว่า เศรษฐกิจของประเทศนั้น เผชิญกับภาวะถดถอย และนับเป็นครั้งแรกที่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร กลับเข้าสู่ภาวะดังกล่าวอีกครั้ง ต่อจากช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563


ส่วนอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักร อยู่ที่ระดับ 4.0% เมื่อปี 2566 สูงกว่าสองเท่า จากเป้าหมายของธนาคารแห่งอังกฤษ (บีโออี) ซึ่งเป็นธนาคารกลางของประเทศ ที่กำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อรายปีไว้ที่ระดับ 2.0%


สถานการณ์ที่เกิดขึ้นยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลสหราชอาณาจักรของนายกรัฐมนตรีริชี ซูแน็ก ซึ่งประกาศว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ คือหนึ่งในวาระแห่งชาติ ขณะเดียวกัน คะแนนนิยมของพรรคอนุรักษนิยมที่เป็นพรรครัฐบาล กำลังตามหลังพรรคแรงงานของ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ โดยการเลือกตั้งทั่วไปตามกำหนดครั้งใหม่ของสหราชอาณาจักร จะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค. 2568.

เครดิตภาพ : AFP