ถือว่าเป็นดารารุ่นใหญ่ที่เป็นขวัญใจแฟนๆ ตลอดกาลจริงๆ สำหรับ หนุ่ม สันติสุข เรียกได้ว่าเป็นพระเอกในตำนานเพราะถึงแม้อยู่ในวงการบันเทิงมาในระยะเวลานานก็ยังคงมีงานในวงการบันเทิงอย่างไม่ขาดสาย เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญคนพิเศษในรายการ Club Friday Show หนุ่ม ได้เปิดเรื่องราวในชีวิตและเผยถึงความรักหนุ่มยุค 80s จีบสาวต้องเริ่มจากส่งสายตาแบบบลูทูธ พร้อมเผยความลับสมัยคู่ขวัญที่กลายมาเป็นคู่จริง? “สันติสุข-จินตหรา” เล่าวีรกรรมความเจ้าชู้ตัวพ่อ สลับรางรถไฟแบบพระเอกตัวท็อปแห่งยุค 80s เลิกกันแต่ต้องทำงานร่วมกันความสัมพันธ์จากคู่ขวัญสู่คู่จริงของ “สันติสุข-จินตหรา” ในตอนนั้นทำให้มีปัญหาในการทำงานร่วมกันมั้ย? และรักเกือบไปไม่รอดเพราะพ่อตาไม่ปลื้ม… เปลี่ยนตัวเองเพื่อครอบครัวยอมเลิกบุหรี่เพราะลูก และทำให้รู้เลยว่าอาการลงแดงเฉียดตายมันเป็นยังไง

หนุ่ม สันติสุข เผยว่า “วิธีจีบสาวในสมัยก่อน ยากเลยครับ เพราะว่าหนึ่งไม่มีโทรศัพท์ไม่มีโซเชียล เราใช้ระบบส่งสายตาบลูทูธไปเป็นสัญญาณบลูทูธแบบเชื่อมกันแล้วก็ต้องเข้าไปคุยรู้ที่มาที่ไปของเขาให้ได้จะไปปรากฏตัวอีกเมื่อไหร่ที่เราจะได้พบ เช่น จะไปตลาดปากคลองทุกวันเสาร์อะไรอย่างนี้ ต้องรู้ที่มาที่ไปเพราะงั้นจะไม่เจอกันอีกแล้วหรือบางทีอยู่แฟลตอยู่อพาร์ตเมนต์บางทีก็ให้เบอร์ห้องส่วนคู่ขวัญของการเป็นสันติสุข-จินตหราเกิดขึ้นอย่างชัดเจนน่าจะเป็นเรื่องหวานมันฉันคือเธอ จีบกันตอนนั้น ช่วงนั้นพวกซาวด์อะเบ้าท์เขานั่งอยู่จังหวะนั้นไม่มีใครเลยเอาหูฟังมาใส่หูเขาเปิดเพลง หนึ่งมิตรชิดใกล้ เขาก็ตกใจนิดๆ แล้วมองมาที่เรา แล้วก็มีแอบจับมือกันในรถ”

“อย่างพฤติกรรมคือห้ามก็ไม่ได้เพราะผมก็จะหนีไป เขาก็เข้าใจนะว่าวัยรุ่นเนี่ย ออกไปเต้นระบำคือไปเที่ยวก็คือไปเต้นระบำคลายเครียด แหม่มเขาก็ชอบนะแต่ว่าด้วยความที่เขาเป็นผู้หญิงแล้วเป็นแบบว่านางเอกคือจะไปตามผับตามบาร์เนี่ยมันก็น่าเกลียด มีครั้งหนึ่งเราก็ไปเที่ยวกับพี่ซูโม่กิ๊กเจอเบอร์สองก็บอกว่าให้พี่กิ๊กพาแหม่มกลับบ้านหน่อยแต่เราหนีกลับบ้านเลย แหม่มเขาก็สงสัยครับ ถามว่าความสัมพันธ์กับการเป็นคู่ขวัญมาเป็นคู่จริงมันเดินหน้าไปนานขนาดไหน ตั้งแต่เริ่มเป็นแฟนกันก็ 5-6 ปี มันก็เป็นความผิดของตัวของผมเองที่ไม่หยุดเที่ยวผับทุกวัน ตอนเลิกกัน มองรูปเห็นหนังเราก็แบบนึกเสียใจเหมือนกันที่เราไม่ได้นำพาเขาไปจนถึงที่สุด เราก็ไปเอาชีวิตไปเอาเวลาของเขามาช่วงหนึ่ง ทุกครั้งที่แอ๊คชั่นเราก็ต้องกลับมาเป็นตัวละครให้ได้เหมือนเดิม แต่หลังจากนั้นก็ต้องทำงานด้วยกันอีกหลายเรื่องเลย”

“จุดที่คิดว่าพอคือ มันมาถึงจุดจุดหนึ่งเอ๊ะ แล้วเราจะทำไปเพื่ออะไรถ้าเราไม่มีจุดมุ่งหมาย ตัวเราก็เสียมาพอแล้ว เราก็เริ่มหันมามองครอบครัว คือ แรกๆ ทั้งบ้านน้องตาลเขาเองหรือน้องตาลเขาเองไม่ได้ไว้ใจอะไรพี่หรอก เขาก็แบบจะจริงเหรอมาแบบชื่อเสียงก็ใช้ได้อยู่ ครั้งนี้คบกัน 6-7 ปี ทุกครั้งที่มาหรือว่าไปไหนมาไหนก็ต้องแอบต้องแบบหลอกว่ามาหาเพื่อนข้างบ้าน เราก็บอกเขาว่าเราจะไปขอพ่อนะแต่งงานตอนนั้นไปมีคุณพ่อมีผม คุณแม่ พ่อตาอยู่ข้างบนไม่ยอมลงมาชั่วโมงหนึ่งเลยกว่าเขาจะลงมา อย่างการสูบบุหรี่ คือสูบเยอะมากกว่าวันหนึ่งก็แบบว่าสองซองสามซอง พอมีลูกคนแรกจะเข้าไปอุ้มลูกน้องตาลเขาก็ห้ามไม่ได้เพราะมือเรามีนิโคตินเดี๋ยวซึมเขาไปในลูก เขาก็ให้เราไปล้างมือล้างจนมือแห้งไปหมดเลยแบบเลิกดีกว่าทำให้รู้เลยว่าการลงแดงเป็นอย่างไร นอนก็เพ้อเลือดกำเดาไหล”